วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การประชุมชี้แจงวิทยฐานะและการเลือกตั้งผู้ทรงคุณวุฒิใน กคศ./อกคศ.

โรงแรมรามาการ์เด้นส์ - นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (มว.ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะและการเลือกตั้งกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน ก.ค.ศ.) โดยมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมกว่า ๘๐๐ คน เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

รมว.ศธ. กล่าวว่า ในฐานะที่ ก.ค.ศ.เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่หลักเสมือนองค์กรบริหารงานบุคคล จำเป็นจะต้องเพิ่มบทบาทของตัวเองในเชิงรุกให้มากขึ้นใน ๓ ประเด็นที่สำคัญ คือ

๑) ต้องทำงานให้รวดเร็วขึ้น

๒) ต้องใช้มาตรการทางการบริหารที่กฎหมายให้อำนาจมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา สามารถสั่งระงับหรือสั่งแก้ไขการกระทำของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาได้หากดำเนินการในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรืออาจใช้อำนาจแทน อ.ก.ค.ศ.ได้ในบางกรณีที่แม้ ก.ค.ศ.จะมอบอำนาจให้ไปแล้ว แต่นำมาสู่เรื่องร้องเรียนหรือเกิดความไม่เป็นธรรม เช่น กรณีการแต่งตั้งโยกย้าย หรือกรณีที่เป็นปัญหาคาราคาซังในเขตพื้นที่การศึกษามายาวนาน เช่น การบรรจุพนักงานราชการเกินโควตาที่กำหนด เป็นต้น ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ก.ค.ศ.ต้องเร่งเข้าไปจัดการ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ระบบบริหารงานบุคคลมีปัญหาเกิดขึ้น

ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการประชุม ก.ค.ศ.ครั้งล่าสุด ที่ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวิสามัญรับเรื่องร้องเรียนขึ้นมา โดยมีเลขาธิการ กพฐ.เป็นประธานคณะอนุกรรมการ กล่าวคือเมื่อรับร้องเรียนใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลแล้ว ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน จากนั้นให้รายงานที่ประชุม ก.ค.ศ.ทราบทุกครั้งไม่ว่าจะยุติเรื่องหรือไม่ก็ตาม เพื่อพิจารณาดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปให้เกิดผลโดยเร็ว ดังนั้นต่อไปนี้หากเขตพื้นที่ใดมีปัญหาเกิดขึ้น ก.ค.ศ.จะได้ใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่โดยเข้มงวดยิ่งขึ้น ทั้งอำนาจยับยั้ง ยกเลิก ให้ทำใหม่ ตลอดจนอำนาจในการลงโทษผู้กระทำความผิด ถึงขั้นถอดถอนออกจากอนุกรรมการ ก.ค.ศ. ตามที่กฎหมายได้ให้อำนาจไว้ ขณะเดียวกันในส่วนของ สพฐ.ก็จะใช้มาตรการทางการบริหารได้มากขึ้นเช่นกันด้วย

๓) ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นที่มาของการประชุมชี้แจงในครั้งนี้ โดยสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้กำหนดที่จะชี้แจงใน ๒ หัวข้อที่สำคัญคือ การประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ที่ได้เริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ และการเลือกตั้งผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.ค.ศ./อ.ก.ค.ศ.ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๒ แต่ตนได้ขอให้เพิ่มอีกหนึ่งหัวข้อ คือ ต้องการให้ ก.ค.ศ.ได้ตอบคำถามแก่ผู้เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับข้อสงสัยในมติต่างๆ หรือความไม่ชัดเจนในทางปฏิบัติด้วย

รมว.ศธ.ได้กล่าวถึงหัวข้อของการประชุมชี้แจงในครั้งนี้ ๒ หัวข้อที่สำคัญ คือ การประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ เพื่อเดินหน้าไปสู่ตัวชี้วัดไปที่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นต่อไป ครูจะต้องเป็น "คนดี มีความสามารถ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์" ซึ่งเป็น ๓ หลักใหญ่และเป็นที่มาของเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะใหม่

ส่วนในเรื่องการเลือกตั้งผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.ค.ศ./อ.ก.ค.ศ. นั้น รมว.ศธ.กล่าวว่า มีความรู้สึกเป็นห่วงพฤติกรรมการร้องเรียนมาโดยลำดับตามที่ปรากฏเป็นข่าว จึงไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในการเลือกตั้ง และโดยนโยบาย ๓ดี/3D ที่ประกาศใช้แล้วนั้น ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องเป็นคนแรกที่ต้องปฏิบัติให้ได้ เพราะหากครูที่มีหน้าที่ไปกระทำผิดเสียเอง จะไปสอนนักเรียนได้อย่างไร จึงขอฝากให้ทุกคนช่วยกันดูแล แม้ ก.ค.ศ.จะมีคณะกรรมการติดตามดูแลสรรหาและการเลือกตั้งฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมี อ.สุขุม เฉลยทรัพย์ เป็นประธานแล้วก็ตาม แต่หวังว่าคณะกรรมการชุดนี้คงไม่ต้องทำงานหนัก เพราะทุกท่านจะได้ตระหนักในความบริสุทธิ์ยุติธรรมของตนเอง และหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คงได้รับการชื่นชมสรรเสริญจากผู้คนวงการอื่นๆ ด้วย.

ไม่มีความคิดเห็น: