วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ศูนย์รีแทรค ประเทศเวียดนาม

กรุงโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม - นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือประธานสภาซีเมค พร้อมด้วยนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการ และคณะสื่อมวลชน ร่วมเดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ระดับภูมิภาคด้านการฝึกอบรมของซีมีโอ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๒

รมว.ศธ. กล่าวว่า ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยการฝึกอบรมของซีมีโอ (ศูนย์ซีมีโอ รีแทรค) หรือ SEAMEO Regional Training Center : RETRAC เป็น ๑ ใน ๑๙ ศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอ ได้รับการก่อตั้งเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ ที่กรุงโฮจิมินห์ ซึ่งทำหน้าที่บริหารจัดการเกี่ยวกับการฝึกอบรมผู้บริหารสถานศึกษา นักเรียนนักศึกษา รวมทั้งประชาชนทั่วไป สำหรับการฝึกอบรมผู้บริหารสถานศึกษานั้น เน้นไปที่การบริหารจัดการ การสร้างภาวะผู้นำ ส่วนการอบรมสำหรับนักเรียนนักศึกษาจะเน้นด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ โดยมีนักเรียนนักศึกษาที่มาเข้ารับการอบรมมากถึง ๑๑,๐๐๐ คนต่อปี ซึ่งจะเน้นผู้ที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีภารกิจด้านอื่นๆ อีก ๓ ส่วนคือ ๑) การทำ workshop ในการจัดการศึกษา ๒) การวิจัยพัฒนา ๓) การประสานระหว่างศูนย์ระดับภูมิภาคอื่นๆ เช่น ศูนย์ฝึกอบรมภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์ ศูนย์อินโนเทคที่ฟิลิปปินส์ เป็นต้น

สำหรับความร่วมมือของศูนย์ซีมีโอรีแทรคกับกระทรวงศึกษาธิการนั้น รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ศธ. กำลังพัฒนาสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ที่ จ.นครปฐม ให้จัดตั้งเป็นสถาบันการฝึกอบรมพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทุกสังกัดของ ศธ. โดยจะขอมติจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งจะทำให้ผู้ที่จะก้าวเป็นผู้บริหารของ ศธ. ทั้งผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่ จะต้องผ่านหลักสูตรจากสถาบันฯ ดังกล่าวเท่านั้น คาดว่าจะประกาศใช้ระเบียบข้อบังคับนี้ได้ในปี ๒๕๕๓ จึงได้ประสานกับศูนย์รีแทรค เพื่อขอหลักสูตรการอบรมพัฒนาผู้บริหารการศึกษาที่ผ่านการวิจัยจากครูและบุคลากรทางการศึกษามาแล้วว่า มีความต้องการอย่างไร รวมทั้งการฝึกอบรมด้านภาวะผู้นำ และจะมีการจัดหลักสูตรการอบรมพัฒนาเป็น ๒ ภาษา คือภาษาไทย และอังกฤษ รวมทั้งหลักสูตรอื่นๆ ของรีแทรคไปเทียบเคียงกันด้วย รวมทั้งขอความร่วมมือให้ไปอบรมพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาที่ไทยด้วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะในแง่ของอาเซียน ศูนย์รีแทรคอยู่ภายใต้การดูแลของซีมีโออยู่แล้ว.

§ เยี่ยมชมโรงเรียนลีฮองฟอง (Le Hong Phong High School for the Gifted)

รมว.ศธ. กล่าวว่า โรงเรียนลีฮองฟอง เป็นโรงเรียนสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษของเวียดนาม มีนักเรียน ๑,๗๐๐ คน จัดการเรียนการสอนแบบโรงเรียนนานาชาติ มีความก้าวหน้าในการสอนวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งสามารถเทียบเคียงกับระบบการเรียนการสอนของไทยในบางโรงเรียนได้ เช่น โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เป็นต้น รับนักเรียนด้วยวิธีการสอบแข่งขันในอัตรา ๑๐ ต่อ ๑ เพื่อคัดเด็กเก่งของประเทศเวียดนามเข้าเรียนอย่างเข้มข้น และมีผลสัมฤทธิ์สูงในการสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ทำให้เด็กเข้าเรียนแพทย์ได้มากถึงปีละ ๔๐ คน วิศวะ ๑๐๐ คน และไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศกว่า ๑๕๐ คน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายยกระดับคุณภาพโรงเรียนดี ๓ ระดับของไทย ได้แก่ โรงเรียนดีระดับสากล ที่กำหนดไว้ ๕๐๐ โรง โรงเรียนดีระดับอำเภอ ๒,๕๐๐ โรง และโรงเรียนดีระดับตำบล ๗,๐๐๐ โรง รวม ๑๐,๐๐๐ โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนเหล่านี้จะเป็นแม่ข่ายในการพัฒนาการเรียนการสอนให้กับโรงเรียนระดับท้องถิ่น

จากการเยี่ยมชมได้มีการหารือ และมีความเห็นตรงกันที่จะคัดเลือกโรงเรียนดีระดับสากลของไทย ๑ แห่ง อาจเป็นโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ หรือโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เพื่อให้เป็นโรงเรียนคู่พัฒนากับโรงเรียนลีฮองฟอง เพื่อร่วมมือพัฒนาและจัดหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ และในอนาคตจะมีการแลกเปลี่ยนนักเรียนร่วมกันต่อไปด้วย

§ เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยนองแลม (Nong Lam University)

รมว.ศธ. กล่าวว่า มหาวิทยาลัยนองแลมเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการการเกษตร ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ มีอาจารย์ที่จบปริญญาโทจากประเทศไทยมากถึง ๓๕ คน นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษาเวียดนามที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาต่างๆ ที่ประเทศไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) แห่งเดียวมากถึง ๕๐๐ คน จึงถือว่าเวียดนามเป็นตลาดใหญ่ของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของไทยที่กำลังจะยกระดับการศึกษาของไทยให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาค หรือ Education Hub ที่มีเป้าหมายภายใน ๕ ปี จะทำให้มีนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนในไทยเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันจำนวน ๓๐,๐๐๐ คน เป็น ๑๐๐,๐๐๐ คน ซึ่งต่อไปจะให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มีการจัดทำโรดโชว์ที่กรุงโฮจิมินห์ รวมทั้งเมืองอื่นๆ ในภูมิภาค เพื่อเชิญชวนให้นักศึกษาจากประเทศต่างๆ ในอาเซียนเข้ามาเรียนในไทยมากขึ้น

ในโอกาสที่มาเยือนกรุงโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ รมว.ศธ.และคณะได้มีโอกาสไปชมการแสดง Saigon Water Pupets ซึ่งเป็นการแสดงหุ่นกระบอกน้ำที่ที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของเวียดนาม เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (Historical Museum) และเยี่ยมชมทำเนียบอดีตประธานาธิบดีเวียดนามใต้ ซึ่งสร้างเสร็จตั้งแต่ปี ๒๕๐๙ ก่อนจะสิ้นสุดลงในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๘ เมื่อเวียดนามเหนือได้เคลื่อนขบวนรถถังเข้าชนประตูเหล็กด้านหน้าของทำเนียบ และเป็นการรวมเวียดนามให้เป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จนถึงปัจจุบันทำเนียบดังกล่าวได้เปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์สามารถเข้าชมได้ โดยทุกสิ่งยังได้รับอนุรักษ์ไว้ เช่น ห้องทำงาน ห้องประชุม ห้องนอน ห้องบัญชาการ เป็นต้น.

ไม่มีความคิดเห็น: