วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

กมธ.ศึกษาฯ ล้มกระดานเลือกผู้แทนคุรุสภาในอ.ก.ค.ศ. เหตุพบทุจริต

กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร มีมติล้มกระดานผู้แทนคุรุสภาในอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ 175 เขต พร้อมให้สรรหา คัดเลือกใหม่ เหตุพบทุจริต เตรียมชง “ชินวรณ์” พิจารณาต่อ กกต.ศธ. เผยเจอร้องเรียนเลือกผู้แทนคุรุสภา 25 เขต พบซื้อสิทธิ์ขายเสียง 5 เขต เสนอตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยผู้ถูกร้องเรียน ส่วนเลือกผู้แทนครู ยังตรวจสอบไม่เสร็จ จี้ “ชินวรณ์” ใช้อำนาจตัดสินใจ ให้เลือกใหม่ถ้าเห็นไม่ถูกต้อง

นายอภิชาติ การิกาญจน์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงผลการประชุม กมธ.การศึกษา ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปความไม่ชอบมาพากลในการสรรหาและคัดเลือกผู้แทนคุรุสภาในคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลกรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา 175 เขต ของคณะกรรมการคุรุสภา จึงมีมติให้ทำบันทึกของ กมธ.การศึกษา ส่งถึงนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เพื่อพิจารณาให้มีการสรรหาและคัดเลือกผู้แทนคุรุสภาในอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ใหม่ทั้งหมด 175 เขต เนื่องจากที่มาของการคัดเลือกผู้แทนคุรุสภาไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรมซึ่งเป็นความสำคัญเบื้องต้นในการเลือกผู้แทนคุรุสภา มาทำหน้าที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของครูและบุคลากร ทั้งเรื่องการโยกย้าย และเลื่อนวิทยฐานะ โดยกมธ.การศึกษา จะทำความเห็นพร้อมหลักฐานเสนอต่อ รมว.ศธ. เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในที่ประชุม ก.ค.ศ. ในวันที่ 29 ม.ค.นี้

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับ 4 ประเด็นที่ไม่ชอบมาพากล มีดังนี้ 1.คณะกรรมการคัดเลือกผู้แทนคุรุสภาใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ที่มีนายนิยม ศรีวิเศษ เป็นประธาน ไม่ทำตามประกาศในเรื่องพิจารณาคุณสมบัติและเอกสารประกอบของผู้สมัคร โดยการพิจารณาไม่เคร่งครัด แต่เข้าลักษณะอนุโลม ทำให้หลายคนที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมได้รับการคัดเลือกไปเป็นผู้แทนคุรุสภา ในอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ และเห็นได้ชัดว่าการดำเนินงานของคณะกรรมการชุดนายนิยม ไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกับของคณะกรรมการฯ ชุดแรกที่เคร่งครัดมากกว่า 2.คณะกรรมการคุรุสภาบางท่านเสนอรายชื่อเกินโควตาซึ่งกำหนดให้กรรมการคุรุสภาแต่ละคนเสนอได้ 3 รายชื่อ โดยบางคนเสนอถึง 5-7 รายชื่อ และมีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อภายหลัง ซึ่งเป็นการสอดไส้

3.มีการทำโผกำหนดตัวบุคคลไว้ล่วงหน้า นำมาสู่การบล็อกโหวต โดย กมธ.การศึกษา มีหลักฐานที่ได้รับจากครูว่านายนิยม ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้แทนคุรุสภาฯ ทำหนังสือถึงคณะกรรมการคุรุสภา ขอให้โหวตตามรายชื่อที่เสนอ ซึ่งผลโหวต สอดคล้องตามโผเป็นส่วนใหญ่ ความผิดปกติ เห็นได้จากคะแนนเป็นกลุ่มก้อน และผู้ที่มีคุณสมบัติด้อยกว่าได้รับการชนะโหวต ผู้ที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าได้คะแนนน้อย เช่น ครูชนะโหวตระดับหัวหน้างาน แสดงว่าผลโหวตไม่เป็นไปตามความความรู้ความสามารถและความเหมาะสม เป็นต้น และ 4.เอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบรายชื่อและคุณสมบัติของผู้สมัครทั้ง 1,031 ราย ซึ่งจะเป็นตัวชี้ว่าการคัดเลือกผู้แทนคุรุสภา ขัดต่อหลักเกณฑ์นั้น ไม่ได้รับความร่วมมือจากคุรุสภาทั้งๆ ที่ กมธ.การศึกษา ขอไปทั้งด้วยวาจาและทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร

“กมธ.การศึกษา ไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงการตัดสินใจของฝ่ายบริหารก็จริง แต่ที่ผ่านมาเมื่อเราเสนอความเห็นไป เจ้ากระทรวงจะฟังและหลายเรื่องได้รับการตอบสนองด้วยดี และผมคาดหวังว่าเรื่องนี้จะได้รับการตอบสนองด้วยดีอีกเช่นกัน แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ทุกคนจะนำเรื่องนี้ไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ผมในฐานะประธาน กมธ.การศึกษา ไม่ขัดข้อง เพราะเป็นการทำประโยชน์เพื่อการศึกษาชาติ ส่วนเรื่องเรียกรับเงินนั้น เราไม่มีหลักฐานยืนยันการรับเงินที่ชัดเจน จึงสาวไปไม่ถึง ดังนั้นไม่อาจชี้ชัดได้ว่ามีการรับเงิน แต่ในอนาคต ถ้ามีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามา เราก็พร้อมตรวจสอบขยายผลต่อไป” ปธ.กมธ.การศึกษา กล่าว

นายสุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานคณะกรรมการติดตามดูแลการสรรหาและการเลือกตั้งผู้แทนในคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา และอ.ก.ค.ศ.ส่วนราชการ กระทรวงศึกษาธิการ หรือ กกต.ศธ. เปิดเผยผลการประชุม กกต.ศธ. ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงข้อร้องเรียนการสรรหาและการคัดเลือกผู้แทนคุรุสภาใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ ที่มีการร้องเรียนเข้ามา 25 เขต ได้ข้อสรุปว่า ในประเด็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงพบว่ามี 5 เขตพื้นที่ที่มีมูลน่าเชื่อถือได้ว่ามีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงและมีพยานบุคคลที่พร้อมจะให้ข้อมูลชี้ชัดว่ากรรมการคุรุสภาบางคนมีการเรียกรับเงิน ซึ่ง กกต.ศธ.จะเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้ที่ถูกร้องเรียนทั้ง 5 เขต ส่วนประเด็นการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้แทนคุรุสภา มี 5 รายที่ต้องเสนอให้ ที่ประชุม ก.ค.ศ. วินิจฉัยว่าพฤติกรรมความผิดเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในเรื่องจริยธรรมและจรรยาบรรณหรือไม่ เพราะแม้ได้รับการล้างมลทินแต่พฤติกรรมการกระทำความผิดยังคงมีอยู่ ซึ่ง ก.ค.ศ.ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล นอกจากนี้มีอีก 6 รายที่เอกสารของผู้สมัครไม่ชัดเจนและต้องเสนอให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติหรือไม่ ส่วนอีก 9 เขตที่เหลือต้องรอผลตัดสินของ ก.ค.ศ.เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานเพื่อใช้ในการพิจารณาต่อไป

นายสุขุม กล่าวอีกว่า ในส่วนของการเลือกตั้งผู้แทนครูใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ขณะนี้ยังตรวจสอบไม่เสร็จ แต่ในเบื้องต้น กกต.ศธ.จะเสนอให้ ก.ค.ศ.พิจารณาเลือกตั้งใหม่ใน 2 เขตพื้นที่ เนื่องจากผู้สมัครมีพฤติกรรมแจกของจูงใจและกรรมการการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ทำผิดขั้นตอนการเลือกตั้ง โดยไม่ได้แจ้งหมายเลขให้แก่สถานศึกษาและผู้สมัคร ส่งผลให้ผลการเลือกตั้งคลาดเคลื่อน นอกจากนี้มีจำนวนหนึ่งที่ต้องเสนอให้ ก.ค.ศ.วินิจฉัยว่าผู้ที่เคยถูกลงโทษทางวินัยและอาญา จะเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในเรื่องจริยธรรมและจรรยาบรรณหรือไม่ แม้ว่าจะได้รับการล้างมลทินไปแล้ว ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายกรณี และที่เหลือ 3 เขตจะเสนอให้ยุติเรื่องเนื่องจากไม่มีมูล

“ ที่ประชุม กกต.ศธ.มีความเห็นเป็น 2 แนวทาง แนวทางแรก เห็นว่าควรให้มีการสรรหาและคัดเลือกผู้แทนคุรุสภาใหม่ทั้งหมด แต่ต้องแก้ไขกฎระเบียบเพื่ออุดช่องว่างไม่ให้มีการแลกคะแนนโหวต เพื่อให้คนที่ตัวเองเสนอชื่อได้รับการคัดเลือก ส่วนอีกแนวทางหนึ่งเห็นควรเสนอให้มีการคัดเลือกใหม่ เฉพาะเขตพื้นที่ที่มีการกระทำผิดหรือเป็นปัญหา ที่เหลือเป็นเรื่องของนโยบาย ดังนั้นเป็นอำนาจของ รมว.ศึกษาธิการ ที่ต้องใช้ดุลยพินิจว่าจะตัดสินใจอย่างไร การเลือกตั้งครูครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งยิ่งใหญ่ที่สังคมจับตามอง และที่สำคัญ รมว.ศึกษาธิการคนใหม่สามารถที่จะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา มาล้มกระดานการเลือกตั้งผู้แทนคุรุสภาได้ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้อง” ปธ.กกต.ศธ.กล่าว

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มกราคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น: