วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

การสัมมนาลูกจ้างประจำสังกัด ศธ./สธ.

โรงแรมทวินโลตัส จ.นครศรีธรรมราช - เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๓
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาข้าราชการและลูกจ้างประจำ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข จัดโดยสมาคมลูกจ้างส่วนราชการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และศูนย์ประสานงานเครือข่ายหน่วยงานราชการ โดยมีลูกจ้างประจำทั้ง ๒ กระทรวงเข้าร่วมสัมมนากว่า ๑,๒๐๐ คน


รมว.ศธ.กล่าวตอนหนึ่งว่า การประชุมสัมมนาครั้งนี้เพื่อให้ลูกจ้างประจำของส่วนราชการได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการปรับเปลี่ยน ความก้าวหน้าและสิทธิประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ ของลูกจ้างประจำที่จะเข้าสู่ระบบตำแหน่งใหม่พร้อมกันตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๓ โดยในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการนั้นได้มีการแถลงนโยบายการศึกษา ๘ ข้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเรื่องขวัญกำลังใจของข้าราชการและลูกจ้างประจำด้วย ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ลูกจ้างประจำได้รับการพัฒนาตนเองก้าวไปเป็นข้าราชการ หรือได้รับการพัฒนาให้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น รวมถึงให้ได้รับใบประกอบวิชาชีพครูต่อไปด้วย โดยเฉพาะการจัดทำหลักเกณฑ์ใหม่ของ ก.ค.ศ. ที่ได้มีการยกเลิก ว.๑๔ เพื่อให้ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ หรือครูอัตราจ้าง ซึ่งจ้างงานมาแล้ว ๓ ปี สามารถสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ที่เป็นการเปิดช่องทางในการพัฒนาตนเองจนสามารถก้าวสู่การเป็นข้าราชการได้

ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ได้มีนโยบายให้มีการคัดเลือกลูกจ้างประจำมาเป็นข้าราชการครูมากขึ้น โดยจะกันไว้ในสัดส่วนถึงร้อยละ ๒๕ ส่วนในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะดูแลเพิ่มในสัดส่วนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ตนยังได้ฝากข้อสังเกตเกี่ยวกับอัตราเกษียณในปีหน้าว่า ควรจะต้องได้คืนกลับมาทั้งหมดโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจาก ก.พ.ร.อีกต่อไป ส่วนอัตราจ้างของครูธุรการตามโครงการคืนครูให้นักเรียน ซึ่งใช้งบประมาณ SP2 จำนวน ๑๔,๐๐๐ อัตรานั้น ยืนยันว่าได้รับการว่าจ้างต่อไปอีก ๑ ปี พร้อมกับจะผลักดันผู้ที่ทำงานธุรการ บรรณารักษ์ พนักงานในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ให้บรรจุเป็นข้าราชการครูต่อไปเช่นกันด้วย
รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า หลังจากจัดลูกจ้างประจำเข้าระบบกลุ่มงานในแท่งใหม่ทั้ง ๔ กลุ่มงาน คือ กลุ่มงานบริการ กลุ่มงานสนับสนุน กลุ่มงานช่าง และกลุ่มงานเทคนิคพิเศษแล้ว ลูกจ้างประจำทุกคนจะได้รับการพัฒนาเพิ่มทักษะในวิชาชีพและได้รับเงินเดือนต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย จึงหวังว่าการรวมกลุ่มเสนอความคิดเห็นในนามของสมาคมต่างๆ เช่นนี้จะช่วยสร้างผลประโยชน์ให้สมาชิกในกลุ่ม และมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองประสบความสำเร็จที่จะนำไปสู่เป้าหมาย ๔ เรื่อง คือ การสร้างพลเมืองยุคใหม่ที่มีคุณภาพ ครูและบุคลากรทางการศึกษายุคใหม่ที่มีขวัญกำลังใจ สถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่ และการบริหารจัดการใหม่.

ไม่มีความคิดเห็น: