วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

ขยายเวลาการดำเนินการ SP2

๒๓ เมษายน ๒๕๕๓ - นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการขออนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง (SP2) ของกระทรวงศึกษาธิการ
รมว.ศธ.กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้รับการจัดสรรงบประมาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่มีความจำเป็นที่ต้องขยายระยะเวลาในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีโครงการของบางหน่วยงาน ดังนี้

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอเสนอขยายเวลาทั้งหมด ๗ โครงการ จำนวน ๗,๑๒๗ ล้านบาท ซึ่งจะต้องขยายเวลาการลงนามสัญญาไปถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ และเฉพาะโครงการพัฒนาครูทั้งระบบ ขอขยายเวลาในการพัฒนาครูและในการจ้างงาน ไปจนถึงปลายเดือนธันวาคม ๒๕๕๓

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดย กศน.ขอขยายวงเงินงบประมาณทั้งหมด ๔ โครงการ จำนวน ๘๓๘ ล้านบาท ในโครงการยกระดับคุณภาพการศึกษาตามอัธยาศัย โครงการพัฒนาการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการพัฒนาวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ทั้งนี้ สพฐ.และ กศน.ได้ดำเนินการส่งหนังสือขอขยายเวลาไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในการขอขยายเวลาต่อไป

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้เสนอขอขยายระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ มีโครงการที่สำคัญได้แก่ งบลงทุนที่เป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์เพื่อยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษา จำนวน ๓,๗๐๒ ล้านบาทในส่วนที่ ๒ ซึ่งเป็นงบลงทุนที่มีคุณลักษณะครุภัณฑ์ยังไม่จัดซื้อจัดจ้าง เป็นครุภัณฑ์ส่วนกลางจำนวน ๑๔ ล้านบาท ครุภัณฑ์ยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษา จำนวน ๑,๕๘๔ ล้านบาท สิ่งก่อสร้างยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษา จำนวน ๗๐ ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีงบลงทุนที่ยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและยังไม่ดำเนินการในการจัดทำคุณลักษณะครุภัณฑ์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยทั้งหมด จำนวน ๑,๓๔๑ ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ทาง สอศ.ต้องไปดำเนินการภายใต้นโยบายที่ รมว.ศธ. ได้มอบหมายไปชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการในการขอขยายเวลาในการจัดสรรงบประมาณให้แล้วเสร็จ เพื่อนำส่งเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีให้ทันภายในวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๓ โดยต้องอยู่ในหลักการที่คำนึงถึงการรักษาผลประโยชน์ของ สอศ.ที่จะให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำมาดำเนินการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา และต้องคำนึงถึงการที่จะต้องตรวจสอบได้ โปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล และคำนึงถึงระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และตามระเบียบว่าด้วยการใช้งบประมาณแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งด้วย

รมว.ศธ. ยังได้ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบในเรื่องการขยายระยะเวลาในการดำเนินงานการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการที่สำคัญ เพื่อเร่งรัดโครงการดังกล่าวให้เกิดผลต่อการนำเม็ดเงินโครงการไปใช้ ดังนี้

๑. โครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนสู่มาตรฐานสากล ซึ่งมีงบประมาณทั้งหมด ๑,๕๓๕ ล้านบาท ให้ สพฐ. ไปดำเนินการในการสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงเรียนในฝัน ซ่อมแซม ปรับปรุง ห้องปฏิบัติการทางวิชาการ ห้องสมุดที่มีสภาพเอื้อต่อการเรียนรู้ รวมทั้งเรื่องการจัดซื้อครุภัณฑ์รถยนต์ให้กับโรงเรียน จำนวน ๘๓ ล้านบาท งบประมาณในการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กสู่ศูนย์การเรียนรู้คุณภาพ ซึ่งเป็นงบลงทุนในเรื่องที่ดินและสิ่งก่อสร้าง จำนวน ๗๖๔ ล้านบาท

๒. โครงการปัจจัยสนับสนุนด้านการศึกษา การจัดหาระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการศึกษาของ สพฐ. ใช้งบประมาณทั้งหมดจำนวน ๒,๒๐๒ ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นระบบคอมพิวเตอร์พร้อม Software ของ สพฐ. ที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการเดิมที่ได้มีการจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ไปแล้ว ใช้งบประมาณทั้งหมด จำนวน ๗,๙๔๙ ล้านบาท ในส่วนนี้ก็จะดำเนินการในเรื่องของศูนย์บริการ ICT ของ สพท.ในส่วนของการพัฒนาเนื้อหาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การจัดงบประมาณให้โรงเรียนจัดซื้ออิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาบุคลากรด้าน ICT และการพัฒนาระบบเครือข่ายตลอดถึงการจัดตั้งศูนย์วิทยบูรณาการด้วย

๓. โครงการพัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ของ กศน.ซึ่งได้รับงบประมาณ จำนวน ๓๑๘,๘๔๕,๙๐๐ บาท ถือเป็นกรณีที่สอดคล้องกับนโยบายหลักของ รมว.ศธ.ที่ต้องการเน้นเรื่องของการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการศึกษา แต่เนื่องจากโครงการนี้เพิ่งได้รับอนุมัติเงินงวด เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๓ และถูกสำนักงบประมาณปรับลดจากงบประมาณที่ตั้งไว้เดิม จำนวน ๓๕๗ ล้านบาท เหลือเพียงจำนวน ๓๑๘ ล้านบาท จึงมอบหมายให้ กศน. ไปทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อขยายระยะเวลาที่ต้องเสนอเป็นมติ ครม. เพื่อให้โครงการนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้.

ไม่มีความคิดเห็น: