วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มติ ครม. ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓

โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด

คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ที่ได้เสนอ คือ ให้มีการดำเนินมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๔ และปีงบประมาณ ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียดข้อเสนอมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ดังนี้

ให้ส่วนราชการจัดระบบบริหารจัดการและกำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดกรองผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ตามความจำเป็นและความเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินมาตรการฯ เกิดประสิทธิภาพและไม่มีผลเสียหายต่องานราชการ

ให้คงคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๔ ตามหลักเกณฑ์เดิม คือ ต้องมีอายุตั้งแต่ ๕๐ ปีขึ้นไป (อายุ ๔๕ ปีขึ้นไปสำหรับข้าราชการทหาร) หรือมีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตั้งแต่ ๒๕ ปีขึ้นไป (ไม่รวมเวลาทวีคูณ) โดยต้องมีเวลาราชการเหลือตั้งแต่ ๑ ปีขึ้นไป นับตั้งแต่วันที่ออกจากราชการ

กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๕ เพิ่มเติมบางส่วน โดยปรับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ จากเดิมที่กำหนดให้มีเวลาราชการที่เหลือตั้งแต่ ๑ ปีขึ้นไป เป็นตั้งแต่ ๒ ปีขึ้นไป เพื่อให้การดำเนินมาตรการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคราชการ โดยมอบหมายให้หน่วยงานกลางร่วมกันพิจารณาปรับกำหนดการดำเนินการตามมาตรการฯ ให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้ส่วนราชการมีเวลาในการบริหารจัดการงานและวางแผนการสรรหาบุคลากรทดแทน หรือแผนการบริหารจัดการอัตรากำลัง

อนุมัติงบประมาณค่าอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนทุกคนรับประทานอาหารกลางวัน

ครม.อนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนทุกคนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เฉพาะภาคการศึกษาที่ ๑ ของปี พ.ศ.๒๕๕๓ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้กระทรวงมหาดไทยไปขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป

เห็นชอบผลการประเมินการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ของส่วนราชการและจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๒ และเมื่อสำนักงาน ก.พ.ร.ติดตามข้อมูลผลการประเมินจากหน่วยงานกลางที่เป็นเจ้าภาพตัวชี้วัดครบถ้วนแล้ว รวมถึงการตรวจสอบข้อทักท้วงและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและการประมวลผลคะแนนของส่วนราชการ จังหวัด รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษาแล้วเสร็จ ให้สำนักงาน ก.พ.ร.ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงคะแนนให้มีความครบถ้วนและถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อนำเสนอ ก.พ.ร.เพื่อทราบโดยด่วนต่อไป

ไม่สมควรจัดตั้งกองทุนเงินสะสมในรูปแบบเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากไม่สอดคล้องกับหลักการ เหตุผลและเจตนารมณ์ของการจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนตามหลักการของพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ.๒๔๙๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.๒๕๐๒ หากรัฐบาลพยายามที่จะผลักดันการจัดตั้งกองทุนเงินสะสมโดยมาจากเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการต่าง ๆ จะต้องตราเป็นพระราชบัญญัติเฉพาะเท่านั้น

เห็นชอบให้มีการจัดสรรเงินรางวัล สำหรับส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา ที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๒ โดยให้ใช้เงินเหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๒ ของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา ในส่วนที่เหลือนอกเหนือจากร้อยละ ๕๐ ของเงินงบประมาณเหลือจ่าย แต่ไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท ที่ ครม.ได้เห็นชอบให้ใช้เพื่อการพัฒนาองค์กรและการพัฒนาบุคลากรไปแล้ว ทั้งนี้โดยดำเนินการจัดสรรเงินรางวัลให้กับทุกหน่วยงานในสัดส่วนที่เท่ากัน และเพื่อใช้สำหรับการจัดสรรเงินรางวัลตามผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้ผู้ปฏิบัติของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา

ให้จัดสรรเงินรางวัลสำหรับส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษาที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๒ เพียงก้อนเดียว รวมกันทั้งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ ของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา โดยให้ส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษานำไปจัดสรรต่อในแต่ละหน่วยงานตามความเหมาะสม โดยให้ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติอยู่ในหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการจัดสรรเงินรางวัลเดียวกัน

เห็นชอบการปรับปรุงวิธีการคำนวณเพื่อจัดสรรเงินรางวัลให้กับทุกหน่วยงาน ที่มีผลการปฏิบัติราชการที่บรรลุเป้าหมายในระดับคะแนน ๓.๐๐๐๐ ขึ้นไป และให้จัดสรรเงินรางวัลที่เหลือให้กับหน่วยงานที่มีคะแนน ตั้งแต่ ๔.๐๐๐๐ คะแนนขึ้นไป

ไม่มีความคิดเห็น: