วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การเปิดเสรีทางการศึกษา

รมว.ศธ. กล่าวว่า ศธ.จะต้องปรับตัวครั้งสำคัญ เพื่อเตรียมจัดการศึกษาให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทย เนื่องประชาคมอาเซียนมีข้อตกลงร่วมกันว่า ในปี ๒๕๕๘ จะต้องอยู่ภายใต้การค้าเสรี การที่จะให้ประชาคมอาเซียนสามารถรองรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยเท่าเทียมกันด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน การศึกษาจะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ประชาคมอาเซียนมีโอกาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ภาษา การสื่อสาร และได้ลงทุนร่วมกันในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านเศรษฐกิจ การบริการ หรือวิถีชีวิตความเป็นอยู่

ประเทศไทยได้ทำความตกลงกับประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของประชาคมอาเซียน ประชาคมอาเซียน+3 และประชาคมอื่นๆ

ศธ.ในฐานะที่มีอำนาจ หน้าที่ ในการส่งเสริม กำกับดูแลการศึกษาทุกระดับและทุกประเภท กำหนดนโยบายและแผนมาตรฐานทางการศึกษา สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา มีภารกิจสำคัญในการเตรียมความพร้อมยุทธศาสตร์เพื่อรองรับการเปิดเสรีทางการศึกษา โดยเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชน รวมถึงโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนนานาชาติ เพื่อส่งเสริมให้มีสภาพของการแข่งขันทางการศึกษาให้เป็นไปตามกลไกทางการตลาด และสิ่งสำคัญที่สุด คือ การมุ่งเน้นให้การศึกษาสนองตอบต่อเป้าหมายของ ศธ.

การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง นอกจากจะให้ความสำคัญในการพัฒนาพลเมืองยุคใหม่และพัฒนาให้เป็นพลเมืองดีในสังคมไทยแล้ว จะต้องเป็นพลเมืองของโลกที่สามารถอยู่ร่วมกันในประชาคมอาเซียนด้วย ซึ่งจะต้องมีศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศในประชาคมอาเซียนได้ และในอนาคตต้องสามารถอยู่ในสังคมโลกได้อย่างมีความสุข

การปรับตัวครั้งสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ เพื่อต้องการให้พลเมืองยุคใหม่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ดังนั้น การพัฒนาด้านกฎหมายเพื่อเตรียมความพร้อมในยุทธศาสตร์การพัฒนา เพื่อรองรับการเปิดเสรีทางการค้า เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง

รมว.ศธ.กล่าวถึงความพร้อมการเปิดเสรีทางการศึกษาว่า จำเป็นจะต้องดำเนินการตามข้อตกลงของประชาคมอาเซียน ที่จะต้องเปิดเสรีทางการค้าในปี ๒๕๕๘ ศธ.โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ทำการวิจัยการพัฒนาด้านกฎหมายรองรับการเปิดเสรีทางการศึกษา นอกจากนั้น ในส่วนของ ศธ.มีนโยบายชัดเจนในการพัฒนาการศึกษา เพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียนร่วมกัน ซึ่งจะต้องพัฒนาทั้งในด้านการศึกษา ด้านวัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ขณะนี้ ศธ.ได้เตรียมพัฒนาหลักสูตร ชื่อว่า หลักสูตรอาเซียนศึกษา เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน และมีเจตคติในการอยู่ร่วมกันที่ดี เพื่อการขับเคลื่อนการเป็นประชาคมที่เข้มแข็งต่อไป

ในส่วนของสถาบันการศึกษา ได้มีการเตรียมพัฒนาสถาบันการศึกษาไปสู่มาตรฐานสากล มีหลักสูตรภาษาอังกฤษ มีการสอนเรื่องโลกศึกษา เพื่อให้นักเรียนเข้าใจการอยู่ร่วมกันในสังคมโลกต่อไปในอนาคต และ ศธ.ได้ดำเนินการร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการเปิดเสรีทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุน และการขอเปิดโรงเรียนนานาชาติเพิ่มมากขึ้น เพราะในอนาคตทุกประเทศมีสิทธิ์ร่วมลงทุน จึงจะต้องเตรียมการเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ด้วย

รมว.ศธ.กล่าวในตอนท้ายว่า ประเทศไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางการศึกษา ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ ศธ. คือ Education Hub เชื่อว่าคุณภาพด้านการศึกษาของไทยจะเป็นที่ยอมรับ และถ้ามีการพัฒนากฎหมายและพัฒนาการบริการที่ดีขึ้น จะทำให้การแข่งขันด้านการลงทุนทางการศึกษาและการพัฒนาการศึกษาของไทยเป็นที่สนใจในภูมิภาค ในความเป็นจริงการอยู่ในโลกเสรี ก็จะต้องมีการแข่งขันกัน ศธ.จึงต้องพัฒนาตนเองขึ้นมาเพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป.

ไม่มีความคิดเห็น: