วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มติ ครม. ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

อนุมัติงบกลาง เพื่อเป็นเงินเลื่อนขั้นเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๓

ครม.อนุมัติเงินเลื่อนขั้นเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๓ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรอนุมัติในหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เจียดจ่ายจากเงินงบประมาณของหน่วยงานตนเองก่อน หากดำเนินการดังกล่าวแล้วยังมีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะจ่ายเป็นเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินคงคลัง บัญชีที่ ๒ ให้แก่ สพฐ. เพื่อนำไปจ่ายเป็นเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการของ สพฐ. ต่อไป

เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการอ่าน
ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการอ่าน และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ทั้งนี้ จากการที่อากรศุลกากรในปัจจุบันได้จัดเก็บในอัตราร้อยละ ๐ อยู่แล้ว และหากมีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้า จะทำให้การนำเข้าเยื่อกระดาษที่ใช้ในการผลิตหนังสือไม่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่เยื่อกระดาษในประเทศที่แม้ว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเช่นเดียวกัน แต่ยังคงมีภาระภาษีมูลค่าเพิ่มแฝงอยู่ในการผลิตเยื่อกระดาษ ส่งผลให้ผู้ผลิตภายในประเทศไม่สามารถแข่งขันการนำเข้าจากต่างประเทศได้ ในขณะเดียวกันได้มีมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่านอยู่แล้วหลายมาตรการ รวมทั้งตามที่กระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้ ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้มีการอ่านเพิ่มเติมจากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่านที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันนี้ได้เป็นอย่างดี

โดยมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้ประชาชนและภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการอ่านนี้ จะช่วยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กรณีซื้อหนังสือและสื่อเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อบริจาคแก่สถานศึกษาของราชการและเอกชน และกรณีให้ห้องสมุดขององค์กร รวมทั้งห้องสมุดของเอกชนที่ไม่เก็บค่าใช้จ่าย มาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ ซึ่งการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวจะเป็นการจูงใจให้ประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจเอกชนได้มีส่วนร่วมในการซื้อหนังสือบริจาคให้แก่สถาบันการศึกษาของราชการและเอกชนเพื่อส่งเสริมการอ่านอย่างทั่วถึง และทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนให้คนไทยเข้าถึงและเพิ่มนิสัยรักการอ่าน โดยมีผลให้การจัดเก็บภาษีลดลงเพียงเล็กน้อย แต่จะมีส่วนช่วยประหยัดงบประมาณในการจัดหาหนังสือเข้าสู่ห้องสมุดหรือแหล่งหนังสืออื่น

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ดังนี้

๑. สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อน ตามมาตรา ๔๗ (๑-๕)หรือ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวน ๒ เท่าของจำนวนเงินที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อส่งเสริมการอ่าน แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา สำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนดังกล่าวนั้น

๒.สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

๒.๑ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เป็นจำนวนเงินหรือมูลค่าของทรัพย์สิน เป็นจำนวน ๒ เท่าของรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่าเพื่อส่งเสริมการอ่าน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา สำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ และรายจ่ายในการจัดสร้างและการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชน ที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไป โดยไม่เก็บค่าบริการใด ๆ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของกำไรสุทธิ ก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร

๒.๒ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้ที่ได้จ่าย เท่ากับจำนวนเงินหรือมูลค่าของทรัพย์สินเป็นจำนวนร้อยละ ๑๐๐ ของรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่าน สำหรับหอสมุดหรือห้องสมุดของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: