วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

นโยบายการศึกษารัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะนายทะเบียนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมการเสวนา "ถกนโยบายการศึกษารัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง” ณ ห้องประชุมอิศรา อมันตกุล สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับชมรมสื่อมวลชนสายการศึกษา และกลุ่ม For Thailand ถนนสามเสน

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ กล่าวว่า "ที่ผ่านมาแม้จะเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ แต่งบประมาณด้านการศึกษาไม่ได้ลดน้อยลงไป และภายหลังการเลือกตั้งไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นพรรคไหนก็ตาม แต่พรรคประชาธิปัตย์ได้วางกรอบชัดเจนในการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สอง ไว้แล้ว มีการจัดตั้งกลุ่มศึกษายุทธศาสตร์ และทำหน้าที่ขับเคลื่อนไว้อย่างชัดเจน การกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ในการปฏิรูปการศึกษารอบที่สอง พรรคยืนยันว่าการนำเสนอเชิงนโยบายครั้งนี้ ที่หัวหน้าพรรค ท่านอภิสิทธิ์ไปหาเสียงเรื่องเรียนฟรี เป็นการตอกย้ำว่าการศึกษาเป็นเรื่องของการพัฒนาประเทศ และเป็นการลงทุนขนาดใหญ่เพื่ออนาคตของชาติ

นโยบายแรกที่เร่งด่วน คือ นโยบายเรียนฟรี ๑๕ ปี และเพิ่มงบกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) อีก ๒ แสนล้านบาท เพราะโอกาสที่จะเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมในประเทศไทยยังมีช่องว่าง นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปที่เด็กชายขอบ ชาวเขา เด็กพิการ ที่สามารถเรียนร่วมในโรงเรียนปกติได้มากกว่า ๙ แสนคน และให้สำนักงานการศึกษาพิเศษ ดูแลการศึกษาของเด็กพิการซ้ำซ้อน ที่มีอยู่อีกไม่ต่ำกว่า ๔ แสนคน รวมทั้งเด็กที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้ต้องอยู่กับบ้าน

มีนโยบายเปลี่ยนพ่อแม่ให้เป็นครู โดยมีครูพี่เลี้ยง ๔.๕ หมื่นราย นอกจากนี้ยังมีเด็กที่ต้องใช้นโยบายแบบใหม่ที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือ เช่น เด็กที่ต้องออกเรียนกลางคันหรือต้องติดตามผู้ปกครอง ส่วนเรื่องของการกู้ยืม เด็กชนบทที่ห่างไกลยังมีอยู่มากต่ำกว่าร้อยละ ๓๐ ของที่มีอยู่ทั้งหมด ตอนนี้งบทุนมีหนึ่งแสนสามหมื่นล้านบาท จะต้องเพิ่มให้กู้ได้อีกสองแสนห้าหมื่นราย ถ้ายังไม่ได้เข้าเรียนจะนำไปสู่คุณภาพไม่ได้

การสร้างมาตรฐานคุณภาพ ก็เป็นนโยบายที่หากได้เป็นรัฐบาลจะเดินหน้าต่อ เช่น ผู้เรียนจะมีคุณภาพได้อย่างไร อนุบาล มัธยมเรียนควรเรียนรู้เรื่องใด ทั้งนี้ อาชีวะต้องมีฝีมือด้านแรงงาน มีสถาบันที่พัฒนาคุณวุฒิและค่าจ้าง ซึ่งต้องสร้างเกณฑ์การวัดมาตรฐาน สำหรับมหาวิทยาลัยจะให้ไปสู่มาตรฐานโลก โดยต้องพัฒนาทักษะบัณฑิตรุ่นใหม่ ให้มีองค์ความรู้ในการตัดสินใจ มีเทคโนโลยีขั้นสูง และมีคุณธรรมจริยธรรม

ปัจจัยที่สำคัญ คือ ครู มีการสร้างครูพันธุ์ใหม่ เพิ่มงบและนโยบายให้คนเก่งมาเป็นครูคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ ได้รับทุนเพื่อมาเป็นครูซูเปอร์พรีเมี่ยม และครูพรีเมี่ยม สิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการคือแก้ไข คือการเพิ่มเงินให้ครู ๑๓% เพื่อเป็นกำลังใจให้ครู แต่ครูต้องเปลี่ยนการสอนจากการสอนเป็นการเรียนรู้ สุดท้าย คือ ไอซีที ใช้งบ NEdNet กว่าหมื่นล้าน จัดซื้อคอมให้ ๑ คนต่อคอมพิวเตอร์ ๑ เครื่อง และต้องการให้ถึงโรงเรียนอย่างแท้จริง.."

นายคณวัฒน์ วศินสังวร กล่าวว่า "เรื่องการศึกษาไม่มีอะไรซับซ้อน เวลาดูเรื่องขีดความสามารถ ต้องดูเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องโทรคมนาคมที่กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยงบ ๑.๓% ของงบทั้งหมด ด้านเครือข่ายบรอดแบนด์ก็สำคัญมากที่จะสร้างสังคมเรียนรู้การศึกษา ต้องระวังการกลืนปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน ความเข้าถึงและก้าวถึงต้องไปด้วยกัน ทั้งนี้การปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมาควรมีเรื่องคุณภาพการศึกษาแต่ก็ช้าไป ๑๒ ปีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่ต้องเจอกับเด็กที่สอบโอเน็ตและคะแนนตกเป็นจำนวนมาก

นโยบายพรรคเพื่อไทย คือ การยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ตามทันสากลโลกและมีความเป็นไทย ไม่อยากเห็นศึกษาไทยเดินตามหลังสากลโดยขาดความเป็นไทย หลักสูตรที่มีต้องมีมาตรฐานสูงเทียบเท่าสากล เพราะปัญหาโลกาภิวัตน์เป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาแต่ต้องรักษาความเป็นไทยเอาไว้ เช่น โครงการตำราแห่งชาติ เป็นเรื่องเนื้อหาสาระ (content) การผลิตและปฏิรูปครู ต้องเป็นนโยบายที่สำคัญ อาจผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ การสร้างครูพันธุ์ใหม่ต้องใช้เวลา ทดแทน ๒ แสนคนจาก ๔ แสนคนที่จะออกไปใน ๑๐ ปีข้างหน้า ตอนนี้ครูจำนวนรวมไม่ได้ขาด มีอัตราส่วนครู ๑ ต่อเด็ก ๒๕ คน ครูกระจุกไม่กระจาย กระบวนการนี้ต้องมีการจัดการใหม่ทั้งหมด ระบบผลตอบแทนเงินเดือน ซึ่งจูงใจคนเก่งคนดีเข้ามาเป็นครู และต้องมาดูแลเรื่องหนี้สินครู จะมีนโยบายพักชำระหนี้ครูที่ไม่เกิน ๕ แสนบาทในเวลาสามปี และนโยบายรถคันแรกของครูโดยคืนภาษีสรรพสามิตให้ลดยอดราคารถรุ่นประหยัดลง

ช่วงระยะเปลี่ยนผ่านเป็นช่วงที่รอไม่ได้ ขีดความสามารถต้องทำทุกนาที ทุกวัน สิ่งที่จะมาเติมเต็มการศึกษา คือ เทคโนโลยี เพื่อลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่ไม่เท่าเทียมกัน เพราะทุกคนอยากเข้าโรงเรียนที่ดี ซึ่งต้องกระจายปัญหานี้ ในระยะสั้น ที่ทำได้เร็วคือมียุทธศาสตร์เทคโนโลยีเข้ามาใช้ สิ่งที่ขาดคือดิจิทัลคอนเทนต์ ต้องทำไปพร้อมกับการปฏิรูปหลักสูตร ไม่ต้องรอจนจบศึกษา ควรจัดเวทีเสวนาเชิญครูมาทำการวิจัย เพิ่มกระบวรการการเรียนการสอนความเป็นไทย ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญมาก จะต้องผลักดันให้เกิดการวิจัยหลักสูตรและพัฒนาการเรียนการสอน เช่น การบวกเลขจากการทด เป็นการหักออกเต็มๆ

นอกจากนี้ จะติดตั้งอินเตอร์เน็ตฟรีไวไฟในที่สาธารณะ โรงเรียน โรงพยาบาล นอกเหนือการแจกแท็บเล็ทพีซี โดยจะเริ่มแจกเด็ก ป.๔ ถ้าแจกทั้งหมดแปดล้านคน งบไม่เกิน ๕ หมื่นล้าน ด้านอาชีวศึกษา คนเรียนน้อย เป็นเรื่องต้องสร้างทักษะให้เชื่อมโยงภาคการผลิต ส่วนด้านอุดมศึกษา ต้องทำให้อุดมศึกษาเชื่อมโยงกับท้องถิ่น ทุกมหาวิทยาลัยจากการผลิตบัณฑิตต้องเปลี่ยนเป็นการสร้างผู้ประกอบการตั้ง กองทุนตั้งตัวได้ จัดไว้ทุกมหาวิทยาลัยเป็นวงเงินประมาณ ๑,๕๐๐ แสนล้าน เป็นหัวใจสำคัญให้อุดมและอาชีวะปรับตัวและหลักสูตร..."

ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี

ไม่มีความคิดเห็น: