วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เกณฑ์คัดเลือก รอง-ผอ.ร.ร.สพฐ.

2 สิงหาคม นายอภิชาติ จีระวุฒิปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญเฉพาะกิจจัดทำหลักเกณฑ์การสรรหาผู้อำนวยการ (ผอ.) สถานศึกษา และรอง ผอ.สถานศึกษา เมื่อเร็วๆ นี้ เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สถานศึกษา หรือ ผอ.สถานศึกษาทุกสังกัดทั่วประเทศ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การคัดเลือก และการสอบ โดยจะแบ่งตำแหน่งว่างออกอย่างละครึ่ง และดำเนินการเหมือนกับการสอบ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) และ ผอ.สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดการปรับเกณฑ์ใหม่นี้เพราะเห็นว่าวิธีการคัดเลือกดังกล่าวที่ได้นำไปใช้ในการคัดเลือกผอ.สพท.แล้วค่อนข้างได้ผล และมีประสิทธิภาพดีในการคัดเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่ง ที่สำคัญยังช่วยคนที่ทำงานโดยไม่มีโอกาสได้อ่านตำรามากเข้ามาในตำแหน่งดังกล่าว

"เกณฑ์ที่ปรับใหม่ยังลดเวลา หรือประสบการณ์ในตำแหน่งครูชำนาญการของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สถานศึกษาลง จากเดิมกำหนดไว้ 5 ปี เหลือ 3 ปีรวมทั้งจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีคุณวุฒิสูงด้วย ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะเริ่มใช้คัดเลือกหลังผู้ที่สอบขึ้นบัญชีรอง ผอ.สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะครบการขึ้นบัญชีในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ และในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) จะใช้หลักเกณฑ์นี้ด้วย เพราะสอบขึ้นบัญชีครบแล้ว" นายอภิชาติกล่าว

น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สอศ.ได้ขึ้นบัญชีผู้ที่สอบคัดเลือกเป็น ผอ.สถานศึกษาสังกัด สอศ.ไว้ 300 คนอยู่ระหว่างฝึกอบรม ซึ่งเร็วๆ นี้ จะแต่งตั้งเป็น ผอ.สถานศึกษาแทนตำแหน่งที่ว่าง 26 ตำแหน่ง และเดือนตุลาคมจะแต่งตั้งเป็นผอ.สถานศึกษาแทนตำแหน่งเกษียณอายุในวันที่ 30 กันยายน อีก 34 ตำแหน่งโดยผู้ที่สอบขึ้นบัญชีไว้จะเป็น ผอ.รุ่นใหม่ตนเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อสถานศึกษาสังกัดสอศ.โดยคาดหวังว่าอีก 2 ปี จะพัฒนาการศึกษาด้านอาชีวศึกษาอย่างมาก

"ก่อนแต่งตั้ง ผอ.แทนผู้เกษียณ จะโยกย้ายผอ.สถานศึกษาทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่ง สำหรับเกณฑ์แต่งตั้งโยกย้ายนั้น สอศ.จะใช้หลักเกณฑ์และแนวทางที่ต่างจาก สพฐ.โดยจะโยกย้ายผอ.สถานศึกษาตามขนาด เช่น ผอ.สถานศึกษาขนาดเล็กไปขนาดกลาง หรือกลางไปขนาดใหญ่ เป็นต้น" น.ส.ศศิธารากล่าว

44 ร.ร.พิเศษโยกย้ายผู้บริหารตามเกณฑ์ใหม่

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติเห็บชอบหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพิ่มเติมโดยเฉพาะกลุ่มสถานศึกษาวัตถุประสงค์พิเศษ และสถานศึกษาคุณภาพพิเศษ ที่ต้องการผู้บริหารที่มีคุณลักษณะพิเศษ มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และมีประสบการณ์สูง ซึ่งในหลักเกณฑ์ใหม่ได้ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายผู้บริหาร ที่มีเลขาธิการ กพฐ.เป็นประธานทำหน้าที่ในการคัดเลือกผู้บริหารที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับโรงเรียนกลุ่มดังกล่าว ก่อนจะเสนอให้คณะอนุกรรมการ (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ อย่างไรก็ตาม ก.ค.ศ.มีมติให้ สพฐ.เสนอรายชื่อสถานศึกษากลุ่มพิเศษ 2 กลุ่มนี้ให้ที่ประชุม กพฐ.ให้ความเห็นชอบ ซึ่งที่ประชุม กพฐ.ได้มีมติเห็นชอบ 44 รายชื่อสถานศึกษาตามที่ สพฐ.เสนอและจะประกาศเป็นทางการวันที่ 8 ส.ค.นี้

สำหรับรายชื่อประเภทสถานศึกษาวัตถุประสงค์พิเศษ ประกอบด้วย กลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย 12 โรง กลุ่มโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย 9 โรง โรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กลุ่มโรงเรียนในพระราชดำริและพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา จำนวน 2 โรง ได้แก่ โรงเรียนปิยชาติพัฒนา ในพระบรมราชูปถัมภ์ จ.นครนายก และโรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา กรุงเทพมหานคร จ.ปทุมธานี และโรงเรียนสายประถมศึกษา ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ โรงเรียนราชวินิต โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดโบสถ์) และโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ

นายชินภัทร กล่าวต่อว่า ประเภทสถานศึกษาคุณภาพพิเศษ จำนวน 16 โรง แบ่งเป็น ในกรุงเทพมหานคร 8 โรง ได้แก่ เตรียมอุดมศึกษา เทพศิรินทร์ โยธินบูรณะ สตรีวิทยา สวนกุหลาบวิทยาลัย สามเสนวิทยาลัย บดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และหอวัง ต่างจังหวัด 8 โรง คือ ยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ พิบูลวิทยาลัย จ.ลพบุรี เบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรมราช เบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี หาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา ขอนแก่นวิทยายน จ.ขอนแก่น ระยองวิทยาคม จ.ระยอง และพิษณุโลกพิทยาคม จ.พิษณุโลก

“เราจำเป็นต้องได้ผู้บริหารที่มีคุณภาพ มีศักยภาพเหมาะสมกับโรงเรียนในลักษณะดังกล่าวเพราะเป็นโรงเรียนในกลุ่มระดับพรีเมียม ทั้งนี้ การรับสมัครผู้บริหารจะเป็นการเปิดกว้าง คณะกรรมการกลั่นกรองมีหน้าที่คัดกรองผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้นไม่ได้มีสิทธิชี้ขาด เพราะอำนาจจะเป็นของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ซึ่งอาจจะไม่ยืนตามตัวบุคคลที่คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอไปก็ได้ และถ้าเป็นเช่นนั้นคณะกรรมการกลั่นกรองก็ต้องมาทบทวนใหม่” นายชินภัทร กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: