วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การประชุมผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕

รมว.ศธ.กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแผนงาน โครงการที่มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและ รมว.ศธ. ซึ่งผู้แทนจากส่วนราชการหลักและหน่วยงานในกำกับของ ศธ.ได้เสนอโครงการต่างๆ ที่มีความสำคัญและเร่งด่วน ดังนี้ 1. การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติด เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่ง รมว.ศธ.ได้มอบหมายให้ ผศ.ประแสง มงคลศิริ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดูแลรับผิดชอบ โดยจะมีการหารือเรื่องแนวทางและมาตรการต่างๆ รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ 2. กองทุนตั้งตัวได้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน สามารถตั้งตัวได้อย่างมีศักดิ์ศรี รวมทั้งตั้งกองทุนในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนด้วย 3. การจัดหาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต (Tablet) ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเสนอขออนุมัติในหลักการและงบประมาณการดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ถัดไป 4. นโยบายการสอนภาษาอังกฤษ มีเป้าหมายที่สำคัญในการส่งเสริมให้เด็กไทยสามารถสนทนาภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นทุกเดือน รวมทั้งภาษาจีนที่จะมีความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในการให้ครูผู้สอนภาษาจากจีนเข้ามาสอนในไทยมากขึ้น โดยคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตก็จะเป็นเครื่องมือในการส่งเสริม ช่วยฝึกพูด ฝึกฟัง และเพิ่มทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กด้วย นอกจากนี้ ได้กำหนดโครงการต่างๆ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยมีโครงการและกิจกรรมที่จะเป็นเครื่องมือในการส่งเสริม เช่น 1. ส่งเสริมให้สถานศึกษามีคณะกรรมการสถานศึกษา (School Board) 2. โครงการเรียนก่อนผ่อนทีหลัง (เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต : กรอ.) 3. จัดการศึกษาให้กับแรงงานที่ยังไม่จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ให้สามารถเทียบโอนความรู้่และพัฒนาจนจบ ม.๖ ทุกคน ซึ่งเป็นเป้าหมายของการศึกษานอกระบบและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล 4. การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ศธ.จะลดการรีดเลือดครูจากการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารหรือรองผู้บริหารสถานศึกษา ให้มีการดำเนินการที่โปร่งใส ลดการใช้ดุลยพินิจ พร้อมทั้งจะจัดอบรมครูในสถานปฏิบัติธรรมในแต่ละศาสนา เพื่อหวังให้ครูคิดเป็น ทำเป็น สามารถลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้ โดยการจัดทำสมุดบัญชีค่าใช้จ่าย 5. พัฒนาศูนย์ซ่อมสร้างประจำชุมชน (Fix It Center) จำนวน ๑๖,๐๐๐ แห่งทั่วประเทศ 6. ปั้นนักเรียน/นักศึกษาอาชีวศึกษาให้เป็นมืออาชีพ 7. จัดตั้งจุดสัญญาณ Wi-Fi เพิ่มเติมอีก ๒๗,๐๐๐ แห่ง เพื่อให้สถานศึกษาได้ใช้ ส่วนนโยบายพัฒนาการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ได้มีการปรับลดกฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการจัดการศึกษาให้มากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลโดยเร็ว นอกจากนี้ รมว.ศธ.ได้เสนอแนวทางการรับน้องในสถาบันอุดมศึกษา โดยขอให้จัดกิจกรรมรับน้องในสถานศึกษา จะต้องไม่ขู่ตะคอกหรือข่มเหงจิตใจ ห้ามทำร้ายร่างกาย และไม่ทำให้เสียเวลาเรียนหรือทำให้การเรียนตกต่ำ ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาออกประกาศและแจ้งไปยังสถาบันการศึกษาต่างๆ ให้ช่วยดูแลและปฏิบัติตามด้วย หากมีการฝ่าฝืน เช่น กิจกรรมรับน้องทำให้นักศึกษามีผลการเรียนต่ำลง อธิการบดีมหาวิทยาลัยนั้นๆ ควรจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ หรือในกรณีมีการกระทำผิดกฎหมาย ก็ขอให้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายได้ทันที แนวทางการรับน้องที่ได้เสนอนี้ ก็เพื่อต้องการให้การรับน้องเป็นที่ยอมรับ ใช้วิธีการและกิจกรรมที่พัฒนาในเชิงสร้างสรรค์และมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี

ไม่มีความคิดเห็น: