วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

รมว.ศธ.ประชุมทางไกลกับ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา

โดยมีประเด็นต่างๆ สรุปดังนี้ คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต เป็นครูคนใหม่ของนักเรียนที่พร้อมจะสอนได้ในทุกเวลาและทุกวิชาที่ต้องการ ซึ่งในอนาคต ศธ.จะปรับปรุงให้นักเรียนสามารถข้ามไปเรียนเนื้อหาในชั้นเรียนที่สูงขึ้นได้ คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเป็นเครื่องมือที่มีความทันสมัยและเป็นการลดการใช้กระดาษ ซึ่งการจัดหาคอมพิวเตอร์แทบเล็ตนั้น ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) กำลังดำเนินการอยู่ ส่วน ศธ.จะจัดหาเนื้อหาหลักสูตรที่จะใส่ในคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตและแจกไปยังโรงเรียน ซึ่ง ศธ.มีแนวคิดว่าจะจัดหามาเพิ่มให้กับนักเรียนชั้น ม.๑ ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหางบประมาณเพิ่มเติม โดย ศธ.จะเปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถจัดหาหรือจัดซื้อแอพพลิเคชั่นการเรียนรู้ต่างๆ ที่จะโหลดเข้าไปในคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเพิ่มเติมได้ นอกเหนือจากหลักสูตรที่ สพฐ.ได้จัดทำไปแล้ว เพราะในเรื่องของการเรียนรู้ไม่อยากให้เป็นการบังคับ หลักสูตรหลักที่ สพฐ.จัดให้อาจจะไม่ดีพอ รวมทั้งแอพพลิเคชั่นที่ส่วนกลางใส่ไปให้อาจจะสู้แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ไม่ได้ โดยโรงเรียนจะจัดซื้อเองและตั้งงบประมาณก็ได้ ขณะเดียวกัน ศธ.จะประสานให้ทางสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) นำแอพพลิเคชั่นความรู้ต่างๆ มาไว้บนเว็บไซต์ เพื่อเปิดให้โรงเรียนสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้เอง ขอให้แต่ละโรงเรียนแข่งกันหาแอพพลิเคชั่นดีๆ มาสร้างความรู้ให้กับเด็ก ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะให้นักเรียน ป.๑ ยืมคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตไปใช้เรียนเป็นเวลา ๑ ปี โดยสามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ เพื่อช่วยฝึกให้เด็กรักและหวงแหนของ เมื่อครบกำหนดทุกปีก็ให้นำกลับมาตรวจเช็คสภาพว่ายังอยู่ดีหรือไม่ และเมื่อใช้งานครบ ๓ ปี ก็จะให้เป็นสมบัติส่วนตัวของเด็กไปเลย เพราะเป็นครุภัณฑ์ที่มีราคาไม่ถึง ๓,๐๐๐ บาท อีกทั้งคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเป็นวัสดุ ใช้งานเพียง ๓ ปี ก็คงเสื่อมสภาพไปตามการใช้งานแล้ว - การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และภาษาอาเซียน ศธ.จะจัดหาครูสอนภาษาเหล่านี้ไปยังโรงเรียนต่างๆ และจะส่งเสริมให้โรงเรียนได้มีความร่วมมือในลักษณะโรงเรียนพี่โรงเรียนน้องกับต่างประเทศ โดยได้มอบหมายให้ สพฐ.ตั้งงบประมาณสำหรับใช้เป็นเงินเดือนครูสอนภาษาที่โรงเรียนจัดหามา ประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาทต่อเดือนต่อคน เนื่องจากบางโรงเรียนได้จัดหาครูสอนภาษาแต่มีงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับจ่ายเงินเดือนครู เช่น โรงเรียนบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุทรปราการ จัดหาครูภาษาอังกฤษมาสอนถึง ๔๓ คน แต่มีงบประมาณไม่เพียงพอจึงต้องขอรับบริจาค ฉะนั้นโรงเรียนใดต้องการความช่วยเหลือในส่วนนี้ก็ให้ขอมาที่ สพฐ.ได้เลย สำหรับใบประกอบวิชาชีพของครูชาวต่างประเทศ จะให้มีการผ่อนปรน ยืดหยุ่นกฎระเบียบการสอบใบประกอบวิชาชีพไว้ก่อน เพื่อ ศธ.จะได้เร่งยกระดับภาษาของนักเรียนในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป - การสอบครูผู้ช่วย การเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งเดิมการแต่งตั้ง เลื่อนตำแหน่ง เป็นระบบคุณธรรมที่ดี แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีการกระจายอำนาจไปยังส่วนต่างๆ ทำให้ผู้มีอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องกับการสอบสัมภาษณ์ การแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อเรียกร้องเงินในทุกระดับและทุกคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ระบบการศึกษาย่ำแย่ จึงต้องการเปลี่ยนระบบการสอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสอบครูผู้ช่วย การเข้าสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ขอให้วัดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ มีการสอบบางส่วนและให้นำคะแนนความดีที่สามารถคำนวณเองได้มาใช้ เช่น เป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนที่ได้รับรางวัลระดับชาติ ได้คะแนน ๑๐ คะแนน รองผู้อำนวยการโรงเรียนได้รับรางวัลระดับจังหวัดได้ ๖ คะแนน ผู้ที่มีอายุการทำงานมากกว่าก็จะได้คะแนนมากกว่าผู้ที่มีอายุการทำงานน้อย สำหรับการปรับขั้น เลื่อนเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง ถ้าโรงเรียนหรือครูคนใดสามารถทำให้เด็กมีผลการเรียนจากคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตได้คะแนนสูงขึ้น มีผลการเรียนดีขึ้น มีผลการทดสอบ O-Net สูงขึ้น ก็จะมีผลกับการประเมินคะแนนตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาไปจนถึงโรงเรียนและครู ในการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง และขึ้นเงินเดือนในทุกระดับ - การจัดซื้อจัดจ้าง ขอให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส ให้มีการตั้งบุคคลภายนอกที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นเป็นกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและตรวจรับของ โดยใช้วิธีการกระจายงบประมาณการจัดซื้อจัดจ้างไปสู่ระดับล่างมากที่สุด และให้โรงเรียนจัดซื้อเอง ไม่ต้องการให้ ศธ.สั่งซื้อรวมและนำไปแจก และเชื่อว่าผู้อำนวยการในทุกจังหวัดต้องการให้ความร่วมมือ ศธ.ต้องการแก้ไขปัญหาคอรัปชันและการรีดเลือดกับครู การที่จะแก้ไขได้นั้น "ผู้นำต้องไม่โกง กระบวนการต้องมีความโปร่งใส มีการแข่งขัน และสามารถตรวจสอบได้" ดังนั้นการตั้งกรรมการซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่เป็นที่ยอมรับในสังคม ก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครสามารถสั่งซื้อของได้ สำหรับข้อกังวลว่าหากกระจายลงไปในระดับพื้นที่ก็เท่ากับการกระจายคอรัปชันนั้น ขอฝากให้พี่น้องครูช่วยตรวจสอบด้วย ช่วยกันตรวจสอบระบบที่อยู่ในความมืด ขออย่าได้เกรงกลัวต่อความมืด หรือเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เพราะหากทำผิดแล้วครั้งหนึ่ง ก็จะถูกครอบงำให้ทำผิดไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม รมว.ศธ.จะไม่ตรวจสอบย้อนหลัง แต่ในอนาคตขอให้ไม่ร่วมทำสิ่งเหล่านี้ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของครูอาจารย์ให้กลับมามีเกียรติมีศักดิ์ศรีในสังคมอีกครั้ง - โรงเรียนขนาดเล็ก ต้องการให้ควบรวมโรงเรียนใกล้เคียง ๓-๔ โรงเรียนเข้าด้วยกัน เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เดิมมีชั้น ป.๑ จำนวน ๔ ห้องเรียน ก็ควบรวมเป็นห้องเดียว จำนวนครูก็จะเพิ่มขึ้น สามารถสอนนักเรียนได้ทั่วถึง ซึ่ง ศธ.ยินดีที่จะให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณสำหรับการจัดหารถโรงเรียนเพื่อรับส่งครู โดยให้โรงเรียนไปเลือกซื้อเอง สำหรับน้ำมันรถให้ขอความสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบล หรือจะจัดซื้อจัดหาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเพิ่มเติมก็ได้ โดย ศธ.จะจัดตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนขนาดเล็กที่ควบรวมเข้าด้วยกัน - กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ขณะนี้ได้ขยายเวลารับสมัครไปถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ ซึ่งในส่วนของ ศธ.ได้มอบหมายให้ กศน.ดำเนินการรับสมัครสตรีในทุกอำเภอ ซึ่งมีผู้สมัครจำนวน ๔.๒ ล้านคนแล้ว ทำให้ ศธ.ได้รับคำชื่นชมสำหรับขั้นตอนการรับสมัคร ทั้งนี้การจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพื่อต้องการสื่อให้เข้าใจ ให้ความรู้และเกิดความตื่นตัวในกลุ่มสตรีทั่วประเทศ โดยให้ทั้งสิทธิ์ในการกู้ยืมเงินอัตราดอกเบี้ยต่ำ และให้เงินเพื่อแก้ปัญหาสตรีถูกข่มเหง รังแก จึงขอเชิญชวนให้ครูสตรีจากทุกสังกัด หรือนักเรียนหญิงที่มีอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป มาลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อพัฒนาสตรีให้มีบทบาทที่ดียิ่งขึ้นในสังคมไทยต่อไป ที่มา - ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี

ไม่มีความคิดเห็น: