วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ.: พฤติกรรมใดที่ถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐ มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ. สถานี ก.ค.ศ. ในครั้งที่ผ่านมาได้พูดให้ทราบไปแล้วว่า ในกรณีที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษายื่นคำขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะไว้แล้วภายหลังได้ย้ายหรือโอนไปสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งใหม่หรือหน่วยงานอื่นหากต่อมาได้รับอนุมัติให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ยังสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งเดิม ก็จะต้องให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งเดิมเป็นผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้นั้นมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ซึ่งทำให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติสำหรับกรณีดังกล่าวยิ่งขึ้นแล้ว สำหรับในครั้งนี้ จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประพฤติตนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างจริงจังในหลายรูปแบบ ทั้งการป้องกันและปราบปรามอย่างเข้มแข็งจริงจังตลอดมา รวมทั้งนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการโดยท่าน ศาสตราจารย์ ดร. สุชาติ ธาดาธำรงเวช ดังนั้น เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ทราบถึงระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่พลั้งเผลอ เข้าไปเป็นผู้มีส่วนร่วมกระทำความผิด หรือเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจนต้องได้รับโทษทัณฑ์ในทางอาญาและในทางวินัยซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2544 ได้กำหนดมาตรการในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดไว้ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้ ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 1.สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยรู้หรือควรจะได้รู้ว่าผู้นั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเฉพาะในการกระทำที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น 2.จัดหาหรือให้เงินหรือทรัพย์สิน ยานพาหนะ สถานที่ หรือวัตถุใดๆ เพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยรู้หรือควรจะได้รู้ว่าผู้นั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเฉพาะในการกระทำที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น 3.รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยรู้หรือควรจะได้รู้ว่าผู้นั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 4.คบค้าสมาคมเป็นอาจิณกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยรู้หรือควรจะได้รู้ว่าผู้นั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 5.เป็นผู้ประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยใช้หลักทรัพย์หรือสถานะการเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐในชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาลในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในข้อหาผลิต นำเข้าส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติด หรือในข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดอันเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แต่มีข้อยกเว้นเฉพาะในกรณีที่เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามธรรมจรรยาหรือเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่กับบุคคลซึ่งเป็นสามีหรือภริยา บุพการีหรือ ผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใดๆ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น ซึ่งอาจใช้สถานะการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐประกันบุคคลดังกล่าวได้ ในครั้งต่อไปจะแจ้งให้ทราบถึงแนวทางพิจารณาเกี่ยวกับการลงโทษทางวินัย หากเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะต้องได้รับโทษสถานใดบ้างพบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

ไม่มีความคิดเห็น: