วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สำนักงาน ก.ค.ศ.: การดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ

วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นวันที่ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นวันแรก ได้ประกาศนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการศึกษา ๗ ข้อ ได้แก่ ๑) การพัฒนาคุณภาพการศึกษาทุกระดับทุกประเภท โดยมุ่งเน้นเป้าหมายคือนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ๒) การสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่ประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ๓) การปฏิรูปครูเพื่อยกฐานะครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง ๔) การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาอาชีวศึกษา และการฝึกอาชีพให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ๕) การพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาให้ทัดเทียมกับนานาชาติ ๖) การสนับสนุนการพัฒนาเพื่อสร้างทุนปัญญาของชาติ และ ๗) การเพิ่มขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมอา เซียน
          สำนักงาน ก.ค.ศ. ในฐานะเจ้าหน้าที่ดำเนินงานของ ก.ค.ศ. ซึ่งเป็นองค์กรกลางการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช) เป็นประธานคณะกรรมการ ได้รับมอบหมายภารกิจที่สำคัญยิ่งในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมให้เกิดการปฏิรูปครูตามยุทธศาสตร์ที่ ๓ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ด้านการปฏิรูปครู เพื่อยกฐานะครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง โดยมีชุดโครงการที่สำคัญ (Flagship) คือ การปรับปรุงระบบเงินเดือนและค่าตอบแทนพัฒนาระบบความก้าวหน้าของครู ฝึกอบรมครูอย่างเข้มข้นให้มีคุณภาพ และลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ สร้างโอกาสให้กับครู
          นับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ดำเนินงานต่างๆ เพื่อสนองตอบต่อนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
          ๑. จัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายครูคืนถิ่น เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ยังภูมิลำเนาของตนเองหรือภูมิลำเนาของคู่สมรส หรือภูมิลำเนาของบิดามารดา ซึ่งนอกจากเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการครูและบุคลากรให้ได้กลับ ไปยังภูมิลำเนาแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบการศึกษาในท้องถิ่นของตนเองด้วย
          ๒. กำหนดตำแหน่งและระดับเงินเดือน การให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา ๓๘ ค.(๒) ให้มีความก้าวหน้าไปถึงระดับเชี่ยวชาญได้ ๓ สายงาน คือ สายงานในตำแหน่งนักวิชาการศึกษา นิติกร เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน
          ๓. ดำเนินการพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามี หรือเลื่อนวิทยฐานะ เกณฑ์ใหม่ ที่ให้นำคะแนนผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนมาประกอบการพิจารณาในการขอมีหรือเลื่อน วิทยฐานะ และการให้ชุมชน และผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินครูด้วย
          ๔.จัดประชุมทางวิชาการเพื่อให้ความรู้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในการเตรียมความพร้อมเพื่อจัดทำผลงานทางวิชาการ เพื่อขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาอีกทางหนึ่ง โดยผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ สายงานบริหารการศึกษา สายงานบริหารสถานศึกษาและสายงานนิเทศการศึกษาจะได้รับความรู้เกี่ยว กับการประเมินโครงการและการวิจัยสถาบันสำหรับสายงานการสอนได้รับความรู้ เรื่องการพัฒนานวัตกรรรมการเรียนการสอนและการวิจัยในชั้นเรียน
          ๕.จัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้ารราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใหม่โดย มีเฉพาะการสอบข้อเขียนแบบปรนัยทุกภาคและทุกตำแหน่ง เพื่อให้การสรรหาเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้สร้างกระทรวงศึกษาธิการใสสะอาด
          ๖. จัดระบบทะเบียนประวัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีประสิทธิภาพมีความรวดเร็ว ลดระยะเวลาในการให้บริการ โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นการจัดการแนวใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และได้ออกประกาศ เพื่อให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแล้ว
          ๗.พัฒนาระบบเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยได้ปรับปรุงกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือ ต่ำกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ รวมทั้งปรับปรุงกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง ใหม่ได้รับเงินเดือน ๑๕,๐๐๐ บาท ตามนโยบายของรัฐบาล ในขณะเดียวกันผู้ที่อยู่ในระบบเดิมก็ได้รับการปรับอัตราเงินเดือนที่เหมาะสม สามารถเลื่อนเงินเดือนไปในอันดับ คศ. ที่สูงกว่าได้หากเงินเดือนเลยขั้นสูงของอันดับที่รับอยู่
          ๘. ดำเนินการประเมินวิทยฐานะ ตามเกณฑ์ ว ๕/๒๕๕๔ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ส่งเสริมให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผล งานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีการพัฒนาการเรียนการสอนจากสื่อ หรือวิธีการสอนของครูในการพัฒนาผู้เรียนจนได้รับรางวัล สามารถใช้ผลงานนั้นมาขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะได้นอกจากนี้ยังประกาศใช้หลัก เกณฑ์ดังกล่าว ต่อไปอีกเป็นรุ่นที่ ๒
          ๙.ได้มีการกำกับติดตาม และตรวจสอบเรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียนต่างๆ รวมถึงการสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย อาทิ การลอกเลียนผลงานทางวิชาการการเรียกรับผลประโยชน์ในการแต่งตั้ง โยกย้าย เป็นต้น
          นี่คือความภาคภูมิใจที่ชาวสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ปฏิบัติงานด้านการบริหารงานบุคคลให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา ภายใต้นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช และสำนักงานก.ค.ศ.จะมุ่งมั่นปฏิบัติงานต่อไปด้วยปณิธานการทำงานที่ว่า รวดเร็ว มาตรฐานบริการอย่างเป็นธรรม
          สำนักงาน ก.ค.ศ. กระทรวงศึกษาธิการ โทร. ๐-๒๒๘-๒๘๓๕
www.moe.go.th/webtcs           ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น: