วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

'ใบปฏิบัติการสอน' สมัคร 'ครูผช.'ได้

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นายสุชาติ ธาดา ธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ เห็นชอบอนุมัติปรับปรุงมาตรฐานตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วยใหม่ โดยได้ปรับคุณสมบัติเฉพาะจากเดิมที่ ก.ค.ศ.กำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะมีสิทธิเข้ารับการสรรหาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งครูผู้ช่วยจะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เปลี่ยนเป็นมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือใบอนุญาตปฏิบัติการสอน การปรับเปลี่ยนดังกล่าวเป็นเพราะปัจจุบันผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีหลากหลายสาขาที่จำเป็นต่อการจัดการเรียนการสอน เช่น วิศวกรรม สถาปัตยกรรม เครื่องยนต์ เครื่องกล เป็นต้น ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษา เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และผู้ที่จบสาขาวิชาเหล่านี้ไม่ได้จบวิชาชีพครู แต่หน่วยงาน และสถานศึกษาจำเป็นต้องใช้บุคลากรเหล่านี้ เข้ามาจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา ฉะนั้น จึงควรเปิดโอกาสให้บุคคลเหล่านี้ที่มีใบอนุญาตปฏิบัติการสอนจากคุรุสภา แต่ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู มีสิทธิเข้ารับการสรรหาเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง


"ต่อไปนี้ ผู้ที่จะสมัครสอบเป็นครูผู้ช่วย ไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูก็สอบบรรจุได้ แต่ต้องมีใบอนุญาตปฏิบัติการสอน และระหว่างปฏิบัติงานในตำแหน่งครูผู้ช่วยภายใน 2 ปี จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู แต่ถ้าไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ก็ไม่สามารถเป็นข้าราชการต่อได้ ผมเชื่อว่าการเปิดโอกาสครั้งนี้ จะแก้ไขปัญหาครูขาดแคลน และทำให้ได้คนเก่งๆ ในสาขาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เป็นต้น เข้ามาสอบได้ โดยเฉพาะในระดับอาชีวศึกษาที่ขาดแคลนมาก แม้จะมีคนเก่งทางด้านช่างเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้เรียนครู จึงเป็นครูไม่ได้ ฉะนั้นการปรับมาตรฐานนี้จะเปิดช่องให้ได้คนเก่งเข้ามาเป็นครูผู้สอนมากขึ้น ซึ่งมาตรฐานตำแหน่งนี้จะมีผลบังคับใช้ในการสรรหาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งครูผู้ช่วยในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั่วประเทศเลย" นายสุชาติกล่าว

นายสุชาติกล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบกรณีคุณสมบัติของอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญว่าหากมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ จะต้องพ้นจากการเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ.วิสามัญ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 8 (2) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 กำหนด และเป็นไปตามแนวทางเดียวกับคณะกรรมการ ก.ค.ศ.ที่ระบุไว้ว่า กรรมการจะต้องอายุไม่เกิน 70 ปี ส่วนอนุกรรมการพิเศษที่อ่านผลงานในการเลื่อนวิทยฐานะนั้นจะอายุเกิน 70 ปีได้ เพราะตั้งมาเพื่ออ่านผลงานเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับผู้อ่านผลงานทางวิชาการในระดับมหาวิทยาลัย

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คนหนึ่ง กล่าวว่า ในวันที่ 19 ตุลาคม เวลา 15.30 น.ศาลปกครองกลางได้นัดไต่สวนคดีที่นายชานนท์ วันดีรัมย์ ในฐานะผู้เข้ารับการสรรหาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้เป็นรองผู้อำนวยการ (ผอ.) สถานศึกษา และ ผอ.สถานศึกษา กับพวกรวม 15 คน ฟ้องคณะกรรมการ ก.ค.ศ.และพวกรวม 2 คน ในกรณีการสรรหาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งรอง ผอ.สถานศึกษา และ ผอ.สถานศึกษาในสังกัด สพฐ.ที่ได้ดำเนินการคัดเลือก และประกาศผลสอบไปเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา



ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

ไม่มีความคิดเห็น: