วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

1 อำเภอ 2 ทุน ปฏิรูปหลักสูตร

วันที่ 5 พ.ย. 55 เวลา 07.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการได้เดินทางเข้าสักการะพระพุทธรูปประจำศธ. ศาลพระภูมิเจ้าที่ และอนุสาวรีย์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 โดยมีผู้บริหารระดับสูง และข้าราชการ ศธ. ให้การต้อนรับจากนั้นนายพงศ์เทพ พร้อมด้วย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการได้มอบนโยบายให้แก่ผู้บริหาร และข้าราชการ


โดยนายพงศ์เทพ กล่าวว่า การศึกษาถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกประเทศซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้นต้องยอมรับว่า ถ้าถามคนทั่วไปว่าพอใจเรื่องการศึกษาไทยหรือไม่ คำตอบที่ได้จะพบว่ายังไม่พอใจ ดังจะเห็นได้จากผลประเมินการสอบของเด็กไทยในระดับนานาชาติซึ่งก็พบว่ายังอยู่ในระดับรั้งท้าย โดยเหตุผลน่าจะมาจากการที่เด็กไทยใช้เวลาเรียนมาก แต่เรียนรู้น้อย เด็กเครียดกับการอัดเนื้อหาที่มากเกินไป จึงทำให้สู้กับเด็กประเทศอื่นไม่ได้ ดังนั้น นโยบายที่จะต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา คุณภาพครูอาจารย์และผู้เรียน โดยจะต้องมีการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาทุกระดับ และต้องผลิตบุคลากรให้ตรงกับความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้จะต้องปลูกฝังคุณธรรม และปลูกจิตสำนึกเรื่องประชาธิปไตยด้วย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันจะต้องสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งในส่วนของโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน อยากให้เข้าถึงเด็กยากจนให้มากกว่านี้ เพราะในช่วงเริ่มโครงการสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเน้นให้โอกาสคนที่ยากจน แต่ในช่วงหลังเป็นการเปิดกว้างให้มีการแข่งขันกัน โดยไม่มีการแบ่งแยก ซึ่งเด็กยากจนอาจจะเสียโอกาสไปจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทบทวนว่าจะจัดทุนแยกต่างหากสำหรับเด็กยากจนได้หรือไม่ เพื่อความเสมอภาค โดยอาจจะเป็น 1 อำเภอ 2 ทุน ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการในปีการศึกษาหน้าเลยหรือไม่นั้น จะขอหารือก่อน แต่จะเร่งทำให้เร็วที่สุด ส่วนที่เกรงว่าการเพิ่มทุนขึ้นเท่าตัวจะเป็นภาระทางงบประมาณกับรัฐบาลนั้น เห็นว่าการให้โอกาสทางการศึกษากับเด็กเพิ่มขึ้นอีกอำเภอละ 1 ทุนไม่ได้ใช้งบฯ สูงมาก เมื่อเทียบกับงบฯ ที่ศธ. ได้รับ ซึ่งขอยืนยันว่าจะใช้งบฯ ที่มีอยู่อย่างประหยัด นอกจากนี้ จะต้องใช้การศึกษานำสันติสุขสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ และจะต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง

เมื่อถามถึงเรื่องการจัดสรรคอมพิวเตอร์พกพา หรือแท็บเล็ตให้นักเรียนทั่วประเทศนั้น รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้มีนโยบายให้แจกชั้น ป.1 และม.1 ก่อน โดยการจัดซื้อแท็บเล็ตต้องมีการแข่งขันอย่างโปร่งใส และเป็นธรรมสำหรับเนื้อหาที่จะบรรจุในแท็บเล็ตจะต้องพัฒนาให้มีความน่าสนใจ ส่วนจะรับข้อเสนอจากประเทศจีนที่จะปล่อยเงินกู้ให้ไทยหรือไม่นั้น ต้องดูว่ารัฐบาลมีนโยบายอย่างไร ถ้าจะแจกครบทุกชั้นปีและเจรจากับรัฐบาลจีนได้การรับเงื่อนไขเงินกู้ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะมาพิจารณา

ขณะที่เรื่องการวิจัย ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีการตัดงบประมาณ และได้รับงบฯ น้อยมาก ดังนั้น จึงอยากให้นำผลงานวิจัยที่อยู่บนหิ้งมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้สาธารณชนได้เห็นว่า ทำวิจัยแล้วเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงและเมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าจะได้รับการจัดสรรงบฯ ที่มากขึ้น

"ศธ.ถือเป็นกระทรวงที่ได้รับงบฯสูงที่สุด ดังนั้น ในส่วนของงบฯ ลงทุนจะต้องดูแลให้มีการเบิกจ่ายอย่าให้ค้างท่อซึ่งก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วย ส่วนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องดำเนินการตามระบบ มีความโปร่งใส และแข่งขันอย่างเป็นธรรม อย่าให้มีข้อครหาเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้รวมถึงเรื่องการซื้อขายตำแหน่งด้วยจะไม่ให้เกิดขึ้น เพราะถือเป็นการคอร์รัปชัน" นายพงศ์เทพกล่าว

เมื่อถามถึงเรื่องทุจริตการจัดซื้อครุภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่ยังค้างคาอยู่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ต้องยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หมายความว่า เรื่องต่างๆ ที่ดำเนินการต้องมีความโปร่งใสยุติธรรมไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่เห็นแก่หน้าใคร ไม่กลั่นแกล้งใครโดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากมีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้น ก็จะเอาจริงเอาจัง ดังนั้น เรื่องการสอบทุจริตที่ค้างคาอยู่ก็จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างรวดเร็ว และให้โอกาสทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เสนอข้อมูล อย่างเป็นธรรม

ขณะที่นายเสริมศักดิ์กล่าวว่า การที่งานด้านการศึกษาจะขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีนั้น ครูก็ต้องมีขวัญกำลังใจที่ดีด้วยโดยขณะนี้ได้หารือกับ รมว.ศึกษาธิการแล้วว่า จะเร่งผลักดันและสนับสนุนเรื่องการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้เลื่อนเงินเดือนอย่างลื่นไหลนอกจากนี้ จะช่วยผลักดันโครงการครูคืนถิ่น เพื่อให้ครูได้ไปสอนตรงตามความต้องการ ขณะเดียวกัน จะเร่งเรื่องการอ่านผลงานเพื่อขอให้มีและเลื่อนวิทยฐานะครูเพราะที่ผ่านมาในการประชุมพรรคเพื่อไทย จะมีครูจำนวนมากมาขอให้ช่วยเหลือเนื่องจากบางคนใกล้เกษียณอายุราชการแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการอ่านผลงาน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาว่าจะมีช่องทางช่วยเหลือเรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง เพราะครูหลายคนทำผลงานมาหลายปีแล้วแต่กลับไม่มีคนอ่าน



ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น: