วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อุทาหรณ์การไม่ปฏิบัติตามมติ ก.ค.ศ.

สามารถ ข่าวดี

ผู้อำนวยการภารกิจกฎหมาย อุทธรณ์ และร้องทุกข์

สถานี ก.ค.ศ. ในวันนี้มีกรณีตัวอย่างความผิดเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามมติของ ก.ค.ศ. มาฝากเป็นความรู้ และสร้างความตระหนักในการปฏิบัติหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ให้มีการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม ดังนี้

ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้เสียหาย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาต่ออนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา รวม 7 คนเป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมาตรา 157

ความเป็นมาของคดีนี้คือ ผู้อำนวยการสถานศึกษาผู้เสียหาย ได้ยื่นคำร้องขอย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาแห่งหนึ่ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนด โดยมีผู้ยื่นคำขอย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาแห่งเดียวกันอีก 3 คน ต่อมาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย เพื่อพิจารณาคุณสมบัติและจัดลำดับผู้ขอย้าย และผู้เสียหายอยู่ในลำดับที่ 1 และผู้ขอย้ายรายอื่นอยู่ในลำดับที่ 2, 3 และ 4 ตามลำดับ จากนั้นได้มีการนำเสนอ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาเพื่อพิจารณาอนุมัติย้าย และอนุกรรมการ 7 คนได้ร่วมกันพิจารณาอนุมัติย้ายผู้ที่อยู่ลำดับที่ 2 ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ในสถานศึกษาดังกล่าวแทนผู้เสียหาย ซึ่งเมื่อผู้เสียหายทราบมติก็ได้ทำหนังสือท้วงมติของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมในกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาการย้ายถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และได้รับคำชี้แจงว่า มติดังกล่าวชอบแล้ว หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงทำหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมถึงประธาน ก.ค.ศ. เลขาธิการ กพฐ. และเลขาธิการ ก.ค.ศ. ซึ่งต่อมา ก.ค.ศ.พิจารณาแล้วเห็นว่าการพิจารณาย้ายไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด จึงมีมติให้เพิกถอนมติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาดังกล่าว และให้ดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง ต่อมา อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งโดยอนุกรรมการทั้ง 7 คนยังมีความเห็นเช่นเดิม และมติที่ประชุมยังอนุมัติย้ายผู้ที่อยู่ในลำดับที่ 2 เช่นเดิม ผู้เสียหายจึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเอาผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของอนุกรรมการทั้ง 7 คน ซึ่งขณะนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 พิพากษาให้จำคุกอนุกรรมการทั้ง 6 คน คนละ 1 ปี 4 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ส่วนจำเลยที่ 1 ประธานอนุกรรมการ พยานหลักฐานยังไม่พอฟังว่าร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 กระทำความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง

จากกรณีดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ก.ค.ศ.มีมติให้เพิกถอนการดำเนินการของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาและให้ดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องแล้ว แต่ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาก็ยังคงดำเนินการตามมติของตนต่อไป โดยมิได้ไยดีต่อมติ ก.ค.ศ.ดังกล่าว จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรต้องเกิดขึ้น ดังนั้นจึงฝากมายัง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลาย ขอให้ปฏิบัติงานต่างๆ ให้ไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนดอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม เป็นการดีที่สุด



ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

ไม่มีความคิดเห็น: