มติ ครม. ๔ ธันวาคม ๒๕๕๕

เห็นชอบร่างระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม


ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบ ก.ค.ศ.ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

สาระสำคัญของร่างระเบียบ
๑) กำหนดให้ยกเลิกระเบียบ ก.ค. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม พ.ศ.๒๕๓๙
๒) กำหนดให้จ่ายเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษที่จ่ายควบกับเงินเดือนในอัตราเดือนละ ๒,๕๐๐ บาท
๓) กำหนดให้การได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษในตำแหน่งครูการศึกษาพิเศษ และครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม เป็นไปตามตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด
๔) กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการจ่ายเงิน การงดจ่ายเงินและการส่งเงินคืนเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ
๕) กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษอยู่แล้วในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตามระเบียบนี้

เห็นชอบร่างกฎ ก.พ.อ.การได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
ครม.มีมติเห็นชอบร่างกฎ ก.พ.อ. การได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของร่างกฎ ก.พ.อ.
๑) กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาอาจได้รับเงินประจำตำแหน่ง ตามบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาท้ายกฎ ก.พ.อ. นี้
๒) กำหนดให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ.๒๕๓๙ มาใช้บังคับกับการจ่ายเงินประจำตำแหน่งตามกฎ ก.พ.อ. นี้โดยอนุโลม
๓) กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งวิชาการตามที่กำหนด และตำแหน่งอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้รับเงินประจำตำแหน่ง และจะได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราใดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.อ. ประกาศกำหนด
๔) กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งประเภทผู้บริหารตามที่กำหนด และตำแหน่งอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้รับเงินประจำตำแหน่ง การได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราใดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.อ. ประกาศกำหนด
๕) กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ (วช.) ตามที่กำหนด ได้รับเงินประจำตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.อ. ประกาศกำหนด แต่ให้ได้รับไม่ก่อนวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๓
๖) กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ (ชช.) ตามที่กำหนด ได้รับเงินประจำตำแหน่ง แต่ให้ได้รับไม่ก่อนวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๓
๗) กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง (ตามข้อ ๓-๖) ตำแหน่งใด ระดับใด และปฏิบัติหน้าที่หลักของตำแหน่งดังกล่าวให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราสำหรับตำแหน่งนั้น
๘) กำหนดให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้รักษาราชการแทนหรือรักษาการในตำแหน่งประเภทผู้บริหารที่มีวาระการดำรงตำแหน่งตามที่กำหนด ได้รับเงินประตำแหน่งในอัตราที่กำหนดไว้ในตำแหน่งนั้นนับแต่วันที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ จนถึงวันที่พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ต้องไม่เกิน ๖ เดือน
๙) กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอาจารย์ ๓ ตำแหน่งครู หรือตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามที่กำหนด ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราตามตำแหน่งที่กำหนด นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง

--------------------------------------------------------------------------------
รับทราบร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยนครพนม

ครม.มีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยนครพนม กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการ ในมหาวิทยาลัยนครพนม กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขชื่อ “วิทยาลัยการอาชีพธาตุพนม” เป็น “วิทยาลัยธาตุพนม” และแก้ไขชื่อ “วิทยาลัยการอาชีพนาหว้า” เป็น “วิทยาลัยนาหว้า”
--------------------------------------------------------------------------------
การมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีติดตามงานนโยบายรัฐบาล

ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๘๑/๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล โดยในส่วนของ ศธ. ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์) ติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วน ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต คือ
- ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน (กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนตั้งตัวได้)
- พัฒนาระบบประกันสุขภาพ
- จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่โรงเรียน

ทั้งนี้ ให้มีการรายงานผลการติดตามนโยบายดังกล่าวข้างต้นต่อนายกรัฐมนตรี อย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง เว้นแต่มีกรณีเร่งด่วนให้รายงานทันที ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
--------------------------------------------------------------------------------
แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ)
ครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสกนธ์ ชุมทัพ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
--------------------------------------------------------------------------------
คำสั่งแต่งตั้งอื่นๆ เพิ่มเติมของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา)
- ครม.มีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๓๑๓/๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพิ่มเติม ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ๒) คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
- ครม.รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับแจ้งรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) จากส่วนราชการต่างๆ ในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ได้แต่งตั้งให้ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็น ปคร.ของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา)

ข่าวจากสำนักงานรัฐมนตรี