วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผลการประชุม ก.ค.ศ.ครั้งที่ 9/2556

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2556  เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม  2556 เวลา 16.00-18.30 น. ที่ห้องประชุมราชวัลลภ
ประเด็นทบทวนมติ ก.ค.ศ.เกี่ยวกับการดำเนินการกรณีการทุจริตการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ
 รมว.ศธ.แถลงถึงผลการประชุมดังกล่าวว่า ผลการประชุมในครั้งนี้ ทำให้พบเรื่องที่ยุ่งยากต่อเนื่องจากการที่ ก.ค.ศ.มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2556 ว่าให้สำนักงาน ก.ค.ศ.มีหนังสือแจ้งไปยัง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 53 ดำเนินการตามมาตรา 49 กล่าวคือ สั่งให้ผู้ที่มีรายชื่อเข้าข่ายการทุจริตจำนวน 344 ราย ซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งแล้วให้ออกจากราชการโดยพลัน เพราะเป็นผู้ที่มีความบกพร่องในศีลธรรมอันดี และได้กระทำการทุจริตในการสอบแข่งขันเข้ารับราชการ
ต่อมาได้มีการดำเนินการที่แตกต่างกัน และมีมติเพิ่มเติมในการดำเนินการให้มีการสอบสวนว่าเป็นผู้ทุจริตหรือไม่ และการดำเนินการล่าสุดคือ ได้มีมติส่งเรื่องคืนให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาทบทวนการดำเนินการ แต่ระหว่างหลังจากที่ได้มีมติไปแล้วพบว่าการดำเนินการอาจจะมีปัญหาในทางกฎหมาย เนื่องจากมีความเห็นที่แตกต่างกันว่าการจะให้กลับเข้ารับราชการ ก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ หรือกรณีที่ผู้อุทธรณ์ร้องทุกข์ก็ไม่น่าจะทำได้ และมีข้อกฎหมายต่างๆ ที่ควรทำให้ชัดเจนเสียก่อน รวมทั้งมีความคิดเห็นของกรรมการหลายท่านได้แตกต่างจากมติดั้งเดิมเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2556 รวมทั้งมติอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นแตกต่างกันว่า มติที่ประชุมในครั้งนั้นมีความครบถ้วนสมบูรณ์หรือมีใจความอย่างไรกันแน่ เพราะเมื่อเกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าหากจะดำเนินการต่อไปในทางใดทางหนึ่ง เกรงว่าจะเป็นปัญหา เป็นผลทางกฎหมาย หรือวินิจฉัยไม่ถูกต้อง จึงมีข้อสรุปว่าให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปรวบรวมและศึกษามติต่างๆ ที่ผ่านมาว่ามีความชัดเจน และมีผลกระทบอย่างไร เพื่อนำกลับมาเสนอให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาให้ความเห็นชอบในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 30 ตุลาคม 2556 ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม คุ้มครองผู้สุจริต และลงโทษผู้ทุจริต
  • ประเด็น DSI แจ้งผลการสืบสวนสอบสวน กรณีคุณสมบัติของผู้มีสิทธิคัดเลือกครูผู้ช่วย ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนด
ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้มีหนังสือถึงประธาน ก.ค.ศ.เมื่อวันที่ ตุลาคม 2556 ว่าจากการสืบสวนพบว่ามีผู้สมัครสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยดังกล่าวมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนใน ประเด็น คือ 1) ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือใบอนุญาตปฏิบัติการสอน หรือหนังสือรับรองสิทธิที่ออกให้โดยคุรุสภา ตามคำสั่งจ้างหรือสัญญาจ้างรวมกันไม่ครบ ปี 2) สัญญาจ้างที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการสอนมีระยะเวลารวมกันไม่ครบ ปี 3) มีการรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครสอบไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมาย จึงขอให้ ก.ค.ศ.แจ้งให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ดำเนินการตรวจสอบบุคคลที่ได้รับการบรรจุจำนวน 2,161 ราย อีกทางหนึ่งด้วย หากพบการกระทำความผิดก็ขอให้ดำเนินการทางวินัยและทางอาญากับผู้ที่ทุจริตการสมัครสอบต่อไป ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปดำเนินการแจ้ง อ.ก.ค.ศ.ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่าขาดคุณสมบัติจริงก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะถือว่าขาดคุณสมบัติในการปฏิบัติราชการ
 นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปรวบรวม สำรวจงานตามภารกิจของ ก.ค.ศ. ที่ยังไม่ได้ดำเนินการ หรืออยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อนำมาพิจารณาเร่งรัดการดำเนินงานให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยอาจจัดประชุมสัมมนา หรือประชุมเชิงปฏิบัติการในคณะกรรมการ ก.ค.ศ. ต่อไป

มติ ครม.15 ตุลาคม 2556
  • อนุมัติการจัดทำหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา ไทย-ฝรั่งเศส
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดทำและลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ขอให้กระทรวงศึกษาธิการหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ
นอกจากนี้ ได้อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี, ในวันเดียวกัน เวลา 16.00 น. รมว.ศธ.ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา กับนางยามินา เบนกีกี (Mrs. Yamina Benguigui) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส
รมว.ศธ. กล่าวว่า การศึกษาและการวิจัยเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศ และทราบดีว่าการศึกษาของฝรั่งเศสมีความก้าวหน้าและคุณภาพสูง จากการที่รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีของไทยเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้มีการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลทั้งสอง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2555 ซึ่งในความร่วมมือดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการเจรจาระดับสูง การแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษาในทุกระดับการศึกษา รวมถึงการวิจัย การพัฒนาเครือข่ายการวิจัย การแลกเปลี่ยนนักวิจัยรุ่นเยาว์ การอบรม การสัมมนา การประสานเชื่อมโยงระหว่างสถาบันอุดมศึกษาและสถาบันวิจัยของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการสอนภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทย
ทั้งนี้ ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่สำคัญภาษาหนึ่งของโลก และในประเทศไทยมีการสอนภาษาฝรั่งเศสให้แก่นักเรียนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ในการสอนภาษาต่างประเทศเกือบทุกภาษา มีปัญหาอย่างหนึ่งร่วมกัน คือ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ของการสอน ฉะนั้น การจะได้มีโอกาสในการพัฒนาครูสอนภาษาฝรั่งเศสจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี และต้องขอขอบคุณรัฐบาลฝรั่งเศสที่ให้การสนับสนุนการอบรมและพัฒนาครูสอนภาษาฝรั่งเศสในครั้งนี้
นอกจากนี้ ศธ.ได้ขอความร่วมมือจากรัฐบาลฝรั่งเศสในการพัฒนาระบบการสอนภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทย ทั้งการกำหนดหลักสูตร วิธีการสอนและการวัดผล หากทางฝรั่งเศสเห็นด้วย ศธ.ก็จะประสานความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
รมช.กต.ฝรั่งเศส กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความสนใจต่อภาษาฝรั่งเศส การลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงในวันนี้ จะทำให้มีโครงการฝึกอบรมครู เพื่อทดแทนครูสอนภาษาฝรั่งเศสในไทยที่จะเกษียณในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะทำให้นักเรียนนักศึกษาของไทยได้เรียนภาษาฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะช่วยให้การแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาไทย-ฝรั่งเศส การขอวีซ่าของนักเรียนนักศึกษาไทยเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น และเห็นด้วยต่อข้อเสนอให้มีความร่วมมือในการพัฒนาระบบการสอนภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทย โดยเห็นควรให้มีการหารือกับทางสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ซึ่งจะมีโครงการฝึกอบรมและสอนวิธีการสอนภาษาฝรั่งเศสแก่ครู (ครูสอนครู) จำนวน 1 แสนคน เพื่อทดแทนครูที่จะเกษียณประมาณ 900 คน

  • เห็นชอบกำหนดวันหยุดราชการประจำปี พ.ศ. 2556 และ 2557 เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษในปี 2556 โดยกำหนดให้วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2556 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 1 วัน  เพื่อให้มีวันหยุดต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2556 – วันพุธที่ 1 มกราคม 2557 (วันขึ้นปีใหม่)ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสนับสนุนภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
ทั้งนี้  ในส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ในกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประชาชน
ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี

ไม่มีความคิดเห็น: