วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

การประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันพุธที่ 27 มกราคม 2559

ให้การรับรองรางวัลสูงสุดระดับชาติขึ้นไป 281 รางวัล เพื่อการประเมินวิทยฐานะ
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามมติ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายและระบบบริหารงานบุคคล โดยให้การรับรองรางวัลที่ส่วนราชการเสนอมาเป็นรางวัลสูงสุดระดับชาติขึ้นไป ทั้งรางวัลระดับชาติ 206 รางวัลเดิมที่เคยเห็นชอบแล้ว และรางวัลใหม่อีก 75 รางวัล รวมทั้งสิ้น 281 รางวัล รวมทั้งเห็นชอบการกำหนดแนวทางการพิจารณากลั่นกรองและคัดเลือกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเข้ารับการประเมินเพื่อให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ตามเกณฑ์ ว13/2556
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดให้ผู้ขอรับการประเมิน ยื่นคำขอพร้อมแบบรายงานและข้อเสนอในการพัฒนางานต่อผู้บังคับบัญชาได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2559 รวมทั้งผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ย้อนหลังติดต่อกัน 3 ปี ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2556-30 เมษายน 2559 หลังจากนั้นให้ส่วนราชการต้นสังกัดเสนอรายชื่อข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับการคัดเลือก พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องถึงสำนักงาน ก.ค.ศ. ครั้งเดียวพร้อมกัน ภายในวันที่ 30 กันยายน 2559
สำหรับรายที่เกษียณอายุราชการในปี พ.ศ.2559 ให้ส่งถึงสำนักงาน ก.ค.ศ. ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2559
เห็นชอบร่างกฎ ก.ค.ศ. การให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งของบุคลากรอื่นฯ ในสถาบันการอาชีวศึกษา
ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) กฎ ก.ค.ศ. การจัดประเภทตำแหน่ง ระดับตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) ฉบับที่... พ.ศ. .....
สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 กำหนดให้สถาบันการอาชีวศึกษา เป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รวมทั้งประกาศกระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งส่วนราชการในสถาบันการอาชีวศึกษา จำนวน 23 สถาบัน
ซึ่งแต่เดิม ก.ค.ศ.ได้กำหนดกรอบอัตรากำลังเพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดให้บุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38ค. (2) มีสองประเภท คือ ประเภทวิชาการและประเภททั่วไป แต่ในร่างกฎ ก.ค.ศ.ฉบับใหม่นี้ได้กำหนดให้เพิ่มตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38ค. (2) ให้มีสามประเภท คือ ประเภทวิชาการ ประเภททั่วไป และประเภทอำนวยการ (ทั้งอำนวยการระดับต้นและระดับสูง) เช่น ตำแหน่งหัวหน้าสำนัก หัวหน้าศูนย์ ฯลฯ โดยระยะแรกกำหนดไว้จำนวน 23 แห่งๆ ละ 14 อัตรา รวมทั้งสิ้น 322 อัตรา ซึ่งไม่เป็นการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในภาพรวม และไม่ขัดหรือแย้งกับมติคณะรัฐมนตรีและมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ.2557-2561)
ทั้งนี้ ได้กำหนดให้ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับต้น และระดับสูง ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา 5,600 บาท และ 10,000 บาท ตามลำดับ
อนุมัติวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ รายที่ 6 ของประเทศ
ที่ประชุมอนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนเป็นวิทยฐานะ "ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ"ตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะ ว 17/2552 จำนวน 1 ราย ได้แก่ นางกิตติกร คัมภีรปรีชา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1
ซึ่งถือเป็นรายแรกในรอบ 4 ปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการอนุมัติให้ข้าราชการครูฯ ทุกสังกัด เลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษแล้วจำนวน 5 ราย คือ 1) นายนคร ตังคะพิภพ ผอ.โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จ.เพชรบุรี 2) นางศรีลักษณ์ ผลวัฒนะ ครู โรงเรียนเบญจมราชาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขาวิทยาศาสตร์ (เคมี) 3) นางสาวพลพิมล ชาญชัยเชาวน์วิวัฒน์ ครู โรงเรียนบางมด สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์ สาขาวิทยาศาสตร์ (เคมี) 4) นายสมเดช ศรีแสง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1 และ 5) นางสาวรัตนา สถิตานนท์ ครู โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย (สาขาภาษาไทย)
เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์ฯ การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนตำแหน่งประเภททั่วไปในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป ไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ สำหรับพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยจังหวัดสตูล จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และใน 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา ประกอบด้วย อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ สรุปสาระสำคัญ คือ
1. ต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และมีคุณวุฒิตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งประเภทวิชาการ
2. ต้องมีตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง
3. เมื่อได้รับการแต่งตั้งแล้วจะต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อไปเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี เว้นแต่มีเหตุผลความจำเป็นพิเศษ

ไม่มีความคิดเห็น: