การพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่ในการสรรหาบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งระดับผู้บริหารสถานศึกษา
จากกรณีที่นายประวิทย์ บึงไสย์ นายกสมาคมสมาพันธ์ครูอุดรธานี ได้กล่าวถึงแนวคิดที่ ก.ค.ศ. จะเสนอหลักเกณฑ์การสรรหาผู้บริหารสถานศึกษาตามขนาดโรงเรียน เล็ก กลาง ใหญ่ เหมือนกับครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ และผู้อำนวยการโรงเรียนในอดีต เพราะปัจจุบันเป็นตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเหมือนกันหมดไม่มีความเหมาะสม นั้น
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจผิดที่พูดโดยไม่ดูข้อเท็จจริง เพราะข้อเท็จจริงในการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่ในการสรรหาผู้บริหารโรงเรียนที่จะดำเนินการเร็วๆ นี้ ไม่มีการยุบรวมอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องการคัดเลือกให้ได้ผู้บริหารโรงเรียนที่ดี มีประสบการณ์ มีประสิทธิภาพสูง และไม่ได้เปลี่ยนชื่อผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ หรือผู้อำนวยการแต่อย่างใด เพียงแต่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์วิธีการในการเข้าสู่ตำแหน่งดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่นเมื่อสอบคัดเลือกได้เป็นผู้บริหารโรงเรียนครั้งแรก ก็อาจจะต้องไปอยู่ในโรงเรียนเล็กๆ ก่อนเพื่อให้ได้สั่งสมประสบการณ์การบริหาร ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบริหารในโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายและระบบบริหารงานบุคคล ไปพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่ และให้นำเสนอต่อที่ประชุม ก.ค.ศ.ครั้งต่อไป
หารือแนวทางการประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้หารือในเรื่องนี้ เพื่อให้ผลของการประเมินวิทยฐานะเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นการประเมินวิทยฐานะเพื่อตัวเอง ดังนั้น หลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะใหม่จึงไม่ควรทำให้ครูเดือดร้อน ที่ส่งผลให้ต้องออกนอกห้องเรียนหรือละทิ้งห้องเรียน
อนุมัติย้ายและแต่งตั้ง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 296 ราย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมจึงได้ อนุมัติย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 296 ราย ได้แก่ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 226 ราย และรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จำนวน 70 ราย ตามที่ สพฐ.เสนอ เพื่อเป็นการเกลี่ยอัตรากำลังในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษาให้มีความเหมาะสม และเพื่อประโยชน์ต่อทางราชการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น