รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐ กล่าวว่า จากการที่หัวหน้าคณะรักษาความสบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างเพื่อบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค ขอให้คณะทำงาน ทั้ง 5 กลุ่มย่อย ได้ประสานงานการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ กับผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) เพื่อร่วมกันวางแผนและพัฒนาการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งขอความร่วมมือภาคเอกชนและภาคประชาสังคมในการส่งผู้แทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของ กศจ. ด้วย
สำหรับผลการประชุมครั้งนี้ เป็นการรายงานความก้าวหน้าของคณะทำงาน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
กลุ่มย่อยที่ 1 : คณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณภาพทางการจัดการศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา และการเปิดเผยข้อมูลตามหลักธรรมาภิบาล(Transparency, Monitoring, Evaluation, Digital Infrastructure and Media High Standard Education Accessibility)
คณะทำงานได้นำเสนอสิ่งที่ได้ดำเนินการแล้ว คือ การดึงข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียนจากระบบ DMC ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีอยู่แล้วมานำเสนอบนเว็บไซต์ และรวบรวมข้อมูลพิกัดโรงเรียนพร้อมทั้งเก็บข้อมูลการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของแต่ละโรงเรียน ตลอดจนสร้างเว็บไซต์โรงเรียนประชารัฐ
ส่วนสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ ได้แก่ การจัดทำแบบสอบถามออนไลน์เพื่อเก็บข้อมูลสิ่งที่โรงเรียนต้องการพัฒนา, กำหนด Username และ Password ให้กับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนประชารัฐ และพัฒนาเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ สู่สาธารณชน นอกจากนี้ คณะทำงานกลุ่มย่อยที่ 1 มีกำหนดลงพื้นที่โรงเรียนในโครงการประชารัฐ เพื่อศึกษาแนวทางการวางโครงสร้างพื้นฐานด้วย
กลุ่มย่อยที่ 2 : คณะทำงานพัฒนาหลักสูตร ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้ การประเมินผลกิจกรรมส่งเสริมด้านคุณธรรม จิตสาธารณะ และด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ (Curriculum, Teaching Technique and Manual, English Language Capability, Health, Heart and Ethics)
ภายหลังจากการแจกแบบสอบถามไปยังโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนประชารัฐแล้ว ขณะนี้ได้รับแบบสอบถามกลับมากว่าร้อยละ 60 ซึ่งผลการสำรวจพบว่า รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนการสอนที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด คือ รูปแบบที่ 2 : การนำการเรียนการสอนบางรายวิชาของโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ มาปรับใช้ (ร้อยละ 40) ในขณะที่ร้อยละ 27 ต้องการผสมผสานทั้งสามรูปแบบได้แก่ รูปแบบที่ 1 : การเรียนการสอนตามแนวทางของ สพฐ., รูปแบบที่ 2:การเรียนการสอนบางรายวิชาของโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ และรูปแบบที่ 3 : การเรียนการสอนแบบสะเต็มศึกษา
อย่างไรก็ตามทั้ง 3 รูปแบบนี้จะนำมาใช้กับบางวิชาเท่านั้น เพราะทุกสถานศึกษาจะยึดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของ สพฐ. ซึ่งเป็นตัวกำหนดหลักสูตรรายวิชาต่าง ๆ อยู่แล้ว อีกทั้งจะเพิ่มหลักสูตรโรงเรียนคุณธรรม โดยจะทำการอบรมครูวิทยากรเป็นระยะเวลา 2 วัน จำนวน 120 -150 คนต่อ 1 รุ่น ซึ่งจะมีการจัดอบรมประมาณ 4 -5 รุ่น และครูวิทยากรเหล่านี้จะขยายผลไปยังโรงเรียนประชารัฐทั้ง 3,342 แห่งต่อไป รวมทั้งจะมีศึกษานิเทศก์ลงพื้นที่ติดตามและรายงานความก้าวหน้าของแต่ละพื้นที่
นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น จะมีการเสริมรายวิชาภาษาอังกฤษและพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษในทุกชั้นปีด้วย
กลุ่มย่อยที่ 3 : คณะทำงานด้านพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครู และการมีส่วนร่วมของชุมชน (Market Mechanism, Engagement Parents and Community, Funds, High Quality Principles and Teachers Leadership)
คณะทำงานได้นำเสนอหัวข้อในการจัดอบรม เพื่อพัฒนาความสามารถของผู้บริหารและครูผู้สอน ดังนี้
- หัวข้อการอบรมผู้บริหารสถานศึกษา : การบริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล, ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม, กลยุทธ์การตลาดสำหรับสถานศึกษา, กลยุทธ์การพัฒนาสถานศึกษา, การบริหารความเสี่ยงสำหรับสถานศึกษา, การบริหารงานคุณภาพของสถานศึกษา และกลยุทธ์การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับชุมชน
- หัวข้อการอบรมครูผู้สอน : เทคโนโลยีการศึกษา, การจัดการชั้นเรียนยุคดิจิทัล, แนะแนวและให้คำปรึกษาอย่างครูมืออาชีพ จากครูผู้สอนสู่ผู้อำนวยการเรียนรู้, การใช้ ICT ในการจัดการเรียนรู้ของนักเรียน และเทคนิคการวัดและประเมินผลการจัดการเรียนการสอน
- หัวข้อการอบรมครูผู้สอน : เทคโนโลยีการศึกษา, การจัดการชั้นเรียนยุคดิจิทัล, แนะแนวและให้คำปรึกษาอย่างครูมืออาชีพ จากครูผู้สอนสู่ผู้อำนวยการเรียนรู้, การใช้ ICT ในการจัดการเรียนรู้ของนักเรียน และเทคนิคการวัดและประเมินผลการจัดการเรียนการสอน
หลังจากนี้ คณะทำงานจะส่งหัวข้อการอบรมให้ผู้เข้ารับการอบรมศึกษาก่อน และหากผู้เข้ารับการอบรมมีข้อสงสัยสามารถสอบถามผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจะมีคณะทำงานตอบคำถามให้ รวมทั้งจะเร่งชี้แจงแนวทางโรงเรียนประชารัฐให้ผู้บริหารศึกษาและครูทำความเข้าใจก่อนเข้ารับการอบรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น