การอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ทั้งนี้ จากการคำนวณงบประมาณที่ได้รับจัดสรรตามมติคณะรัฐมนตรี สำหรับปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู นักเรียนโรงเรียนเอกชนจะได้รับเงินอุดหนุนเพิ่ม ระดับก่อนประถมศึกษา-ประถมศึกษา 360 บาท/คน/ปี และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น-ตอนปลาย 450 บาท/คน/ปี
● การรับรองวุฒิการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนประเภทนานาชาติ
- ใบอนุญาตจัดตั้งต้องระบุให้เปิดสอนถึงชั้นสูงสุด ระบบอังกฤษ (Year 13) และระบบสหรัฐอเมริกา (Grade 12) และปัจจุบันต้องจัดการเรียนการสอนมีนักเรียนถึงชั้นสูงสุด
- โรงเรียนจะต้องผ่านการประเมินคุณภาพและได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรต่างประเทศ และ สมศ.
● การส่งเสริมโรงเรียนสอนขับรถยนต์
ที่ประชุมรับทราบ กรณีที่ชมรมโรงเรียนสอนขับรถยนต์สงขลาได้มีหนังสือขอให้ สช. ดำเนินการร้องขอต่อกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้โรงเรียนสอนขับรถยนต์ที่อยู่ในการควบคุมดูแลของ สช. ที่มีอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 200 แห่งซึ่งหลายแห่งดำเนินการสอนมาแล้วกว่า 20 ปี มีบุคลากร ครู ผู้สอนที่มีประสบการณ์ สนามขับ ห้องอบรม ฯลฯ ให้มีบทบาทและหน้าที่ในการขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์
ซึ่งขณะนี้ สช.ได้มีหนังสือไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอความอนุเคราะห์พิจารณาส่งเสริมสนับสนุนโรงเรียนสอนขับรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน ให้สามารถขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สำหรับผู้เข้ารับการอบรมได้
นายพะโยม ชิณวงศ์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาหารือในเรื่องที่สำคัญ 3 เรื่อง คือ
- ร่างประกาศ กช. เรื่อง หลักเกณฑ์การให้เงินอุดหนุนแก่โรงเรียนการกุศล ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าในระยะหลังมีการจัดตั้งโรงเรียนการกุศลใหม่เพิ่มขึ้น จนถึงปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 570 โรง แยกเป็นในพระราชูปถัมภ์ 4 โรง, การกุศลของวัด 162 โรง, การศึกษาสงเคราะห์ 193 โรง, สอนศาสนาอิสลามควบคู่สามัญ 192 โรง, การศึกษาพิเศษ 19 โรง ดังนั้น เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องกำหนดแนวปฏิบัติต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น จำนวนปี เงินสมทบ ฯลฯ โดยให้ สช.เสนอที่ประชุมพิจารณาครั้งต่อไป
- การอนุญาตให้โรงเรียนนอกระบบที่เปิดสอนเป็นภาษาต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเภท เช่น หลักสูตรมวยไทย หลักสูตรสอนทำอาหาร หลักสูตรสอนการนวด ฯลฯ โดยที่ประชุมเห็นว่าไม่ควรกำหนดกรอบหลักเกณฑ์ดำเนินการมากจนเกิดความไม่คล่องตัวในการเปิดสอน จึงขอให้ สช. ปรับปรุงประกาศหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าวให้เกิดความคล่องตัวแก่โรงเรียนให้มากขึ้น แล้ว
เสนอที่ประชุมพิจารณาครั้งต่อไป การจ่ายเงินสวัสดิการสงเคราะห์เป็นค่ารักษาพยาบาลแก่บุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนเอกชน ซึ่ง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเดิมครูเอกชนใช้สิทธิ์เบิกจากกองทุนสงเคราะห์ โดยนำเงินอัตราดอกเบี้ยใช้จ่ายเป็นเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล แต่ระยะหลังอัตราดอกเบี้ยกองทุนดังกล่าวต่ำมาก อาจส่งผลต่อค่ารักษาพยาบาลของครูเอกชน นอกจากนี้รายละเอียดของกองทุนของครูเอกชนดังกล่าวก็ยังมีความกำกวมมาก ซึ่งอาจจะดูแลสุขภาพไม่ได้ จึงต้องการให้ครูเอกชนเข้าสู่ระบบสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) หรือสามารถเลือกรับเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามอัตราเดิมหรือรับจากบัตรทอง ทางใดทางหนึ่ง สช.จึงได้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาตีความต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น