การปฏิรูประบบราชการที่ผ่านมาเมื่อปี พ.ศ.2545 เป็นการรับบทบาทภารกิจของภาครัฐ ซึ่งผลที่เห็นเป็นรูปภาพคือจำนวนกระทรวงที่เปลี่ยนไป
มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทยปี พ.ศ.2546 – 2551 ในรูปแบบของการปรับการมุ่งผลสัมฤทธิ์ เช่น กำหนดให้ต้องมีการจัดทำตัวชี้วัดความสำเร็จของการปฏิบัติงาน และการประเมินผลการปฏิบัติราชการเป็นต้น
ความหมายและแนวคิดของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
การบริหารที่เน้นผลสัมฤทธิ์คือ โดยบริหารที่เน้นผลสัมฤทธิ์โดยการชี้วัดที่เป็นรูปธรรม ซึ่งอาจเขียนเป็นสมการได้ดังนี้
[ ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต (Output) + ผลลัพธ์ (Outcomes)]
สรุปแนวคิด คือ
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์จะเน้นที่ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงาน โดยจะให้ความสำคัญที่การกำหนดพันธกิจและวัตถุประสงค์ของโครงการ/งาน เป้าหมายที่ชัดเจนมีการกำหนดตัวชี้วัด ผลการทำงานหลัก (KP1 = Key Performance Indicator) ได้อย่างชัดเจนเป็นที่เข้าใจของคนในทุกองค์กร
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์อาจอธิบายได้อีก แบบว่า เป็นการ
- จัดหาให้ได้ทรัพยากรมาบริหารอย่างประหยัด (Economy)
- บริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Efficiency)
- ได้ผลงานที่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ (Reffectiveness)
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์กับองค์กร
สรุปการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์กับองค์การ
- องค์การที่สามารถนำระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์มาใช้ในองค์การได้ทันทีต้องมีคุณลักษณะพื้นฐานที่พึ่งประสงค์อยู่แล้วบางประการ เช่น เป็นองค์การที่ได้จัดทำวิสัยทัศน์ พันธกิจและมีการกำหนดอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานภายในองค์การไว้ชัดเจนแล้ว หากองค์การใดยังไม่มีคุณลักษณะเหล่านี้ก็สามารถพัฒนาให้มีขึ้นได้ก่อนการนำระบบดังกล่าวมาใช้
- ขั้นตอนใช้ระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ในแต่ละองค์การมี 9 ขั้นตอน ได้แก่
1. การวิเคราะห์วิสัยทัศน์และพันธกิจ
2. การกำหนดปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ
3. การกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก
4. การกำหนดแหล่งข้อมูล
5. การตั้งเป้าหมาย
6. การรวบรวมข้อมูล
7. การบันทึกและอนุมัติข้อมูล
8. การวิเคราะห์ผล
9. การรายงานผล
- เทคนิคที่เกี่ยวข้องกับระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ ได้แก่ การวัดผลการปฏิบัติงาน (Performance Measurement) การเทียบงาน (Benchmarking) คุณภาพการให้บริการ (Service Quality) การตรวจสอบผลการปฏิบัติงาน (Performance Auditing) การประเมินผลโครงการ (Project Evaluation) การมอบอำนาจและให้อิสระในการทำงาน (Devolution) and Autonomy) การวางแผนองค์การและแผนกลยุทธ์ (Corporate and Strategic Planning) การทำสัญญาผลการปฏิบัติงาน (Performance Contracting)
- ลักษณะขององค์การที่บริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
- มีพันธกิจ วัตถุประสงค์องค์การชัดเจน มีเป้าหมายเป็นรูปธรรมโดยเน้นที่ผลผลิตและผลลัพธ์
- ผู้บริหารทุกระดับมีเป้าหมายชัดเจน
- เป้าหมายวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีตัวชี้ที่สามารถวัดได้
- การตัดสินใจจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงาน จะพิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก
- เจ้าหน้าที่ทุกคนรู้จักรับผิดชอบต่องานที่ได้กำหนดไว้ตามกำลังความสามารถ
- มีการกระจายอำนาจการตัดสินใจการบริหารเงิน บริหารคนสู่หน่วยงานระดับล่างเพื่อให้สามารถทำงานบรรลุผลได้อย่างเหมาะสม
- มีระบบสนับสนุนการทำงานเรืองระเบียบการทำงานสถานที่อุปกรณ์ในการทำงาน
- มีวัฒนธรรมและอุดมการณ์ร่วมกันในการทำงานที่สร้างสรรค์
- เจ้าหน้าที่มีขวัญและกำลังใจดี
ระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์กับการปฏิบัติงานยุคใหม่
สรุประบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์กับการปฏิบัติงานยุคใหม่
ภาครัฐได้นำระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์มาใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิรูประบบราชการโดยกำหนดไว้ชัดเจนในแผนปฏิรูประบบราชการ และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ
ในการปฏิบัติงานยุคใหม่ที่เน้นการบริหารเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์จัดเป็นเครื่องสำคัญที่แต่ละส่วนราชการต้องนำไปดำเนินการให้เกิดขึ้นในองค์การเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 และเกิดประโยชน์ร่วมกันในภาพรวมของประเทศอย่างแท้จริง
**********************
แบบทดสอบ(พร้อมเฉลย)
1. ตัวชี้วัดปัจจัยนำเข้า (input indicators) ที่มักใช้ในระบบการวัดผลสัมฤทธิ์ของโครงการภาครัฐ ได้แก่
ก.จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา
X ข. จำนวนแพทย์พยาบาลในโรงพยาบาล
ค. ค่าใช้จ่ายต่อหัวของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา
ง. เวลาเฉลี่ยในการบริการตรวจรักษาผู้ป่วย
2. ตัวชี้วัดประสิทธิภาพและความคุ้มค่า (Efficiency and Cost – effectiveness indicators) ได้แก่
X ก. ค่าใช้จ่ายต่อหัวของเกษตรกรผู้เข้าอบรม
ข. จำนวนเกษตรกรผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ค. จำนวนวิทยากรที่ให้ความรู้ในการฝึกอบรมเกษตรกร
ง. ระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มผลการผลิตของเกษตรกร
3. ความหมายของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ข้อใดถูกต้อง
ก. การจัดหาให้ได้ทรัพยากรการบริหารมาอย่างประหยัด (Economy)
ข. การบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Efficiency)
ค. การได้ผลงานที่บรรลุเป้าหมายขององค์การ (Effectiveness)
Xง. ถูกทุกข้อ
4. ตัวชี้วัดผลผลิต (output indicators) ได้แก่
ก. จำนวนครูผู้สอนระดับประถมศึกษาของโรงเรียน
ข. ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักเรียนประถมศึกษา
Xค. จำนวนนักเรียนประถมศึกษาที่สอบได้เลื่อนชั้น
ง. เกรดเฉลี่ยของนักเรียนประถมศึกษาทั้งหมด
5. แผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐ แผนงานหลักใดที่ระบุไว้อย่างชัดเจนให้ภาครัฐเปลี่ยนแนวทางการบริหารงานไปสู่การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
Xก. แผนการปรับเปลี่ยนบทบาทภารกิจและวิธีบริหารงานของภาครัฐ
ข. แผนการปรับเปลี่ยนระบบงบประมาณ การเงินและการพัสดุ
ค. แผนการปรับเปลี่ยนระบบบริหารบุคคล
ง. แผนการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและค่านิยม
6. เงื่อนไขความสำเร็จของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ขั้นกับ
ก. ผู้บริหารมีความรู้ในการวางแผนกลยุทธ์และการวัดผลการปฏิบัติงาน
ข. การจัดทำระบบข้อมูลผลการปฏิบัติงาน
ค. ผู้บริหารระดับสูงมีความเข้าใจและสนับสนุน
Xง. ถูกทุกข้อ
7. การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์จะเน้นที่ผลลัพธ์ (outcomes) ของงานโดยจะให้ความสำคัญที่ใด
ก. การกำหนดพันธกิจ
ข.วัตถุประสงค์ของโครงการ/งาน เป้าหมายที่ชัดเจน
ค. กำหนดตัวชี้วัดผลการทำงานหลัก (KPI)
Xง. ถูกทุกข้อ
8. การบริหารโดยมุ่งผลสัมฤทธ์ นอกจากระบุไว้ในแผนปฏิรูปการบริหารภาครัฐแล้ว ยังระบุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546-2550) ด้วย อยากทราบว่าอยู่ในยุทธศาสตร์ใด
Xก. ยุทธศาสตร์ที่ 1 การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงาน
-ข. ยุทธศาสตร์ 2 การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน
ค. ยุทธศาสตร์ 3 การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยม
ง. ยุทธศาสตร์ 4 การเสริมสร้างระบบราชการทันสมัย
9. การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นรูปแบบการบริหารที่เน้นความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อประชาชนอย่างไร
ก. รัฐต้องแสดงว่ามีผลงานและให้บริการประชาชนเรื่องใดบ้าง
ข. รัฐต้องแสดงให้เห็นว่าผลงานและบริการเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร
ค. รัฐต้องอธิบายให้ประชาชนรู้ว่ากิจกรรมที่ทำเป็นการใช้เงินภาษีอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลและคุ้มค่า
Xง. ถูกทุกข้อ
10. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะขององค์การที่บริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
ก. มีพันธกิจ วัตถุประสงค์ขององค์การที่ชัดเจน และมีเป้าหมายเป็นรูปธรรม
ข. การตัดสินใจในการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงาน/โครงการต่างๆ พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก
Xค. การตัดสินใจ การบริหารเงิน บริหารคน ขึ้นอยู่กับผู้บริหารระดับสูง
ง. มีวัฒนธรรมและอุดมการณ์ร่วมกันในการทำงานที่สร้างสรรค์
11. ตัวชี้วัดผลลัพธ์ (outcome indicators) ได้แก่
ก. จำนวนเจ้าหน้าที่ให้บริการทำบัตรประชาชน
ข. ค่าใช้จ่ายในการให้บริการทำบัตรประชาชน
Xค. จำนวนผู้มาใช้บริการทำบัตรประชาชน
ง. เวลาเฉลี่ยในการให้บริการทำบัตรประชาชน
12. ขั้นตอนการพัฒนาระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ในองค์กรมีกี่ขั้นตอน
ก. 6 ขั้นตอน
ข. 7 ขั้นตอน
ค. 8 ขั้นตอน
Xง. 9 ขั้นตอน
13. องค์กรที่นำระบบบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ไปใช้อย่างเต็มรูปแล้ว จะได้ประโยชน์อะไรจากระบบนี้บ้าง
ก. ปรับปรุงการดำเนินการในระหว่างรอบการดำเนินงาน
ข. ช่วยในการวางแผนการดำเนินงานปีถัดไป
ค. ใช้ขอรับจัดสรรเงินรางวัลประจำปี
Xง. ถูกทุกข้อ
14. สมการผลสัมฤทธิ์ข้อใดเขียนได้ถูกต้อง
ก. ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ปัจจัยนำเข้า (Inputs) + ผลผลิต (Outputs)
ข. ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลลัพธ์ (Outcomes) - ผลผลิต (Outputs)
Xค. ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต (Outputs) + ผลลัพธ์ (Outcomes)
ง. ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต (Outputs) - ผลลัพธ์ (Outcomes)
1. ตัวชี้วัดปัจจัยนำเข้า (input indicators) ที่มักใช้ในระบบการวัดผลสัมฤทธิ์ของโครงการภาครัฐ ได้แก่
ก.จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา
X ข. จำนวนแพทย์พยาบาลในโรงพยาบาล
ค. ค่าใช้จ่ายต่อหัวของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา
ง. เวลาเฉลี่ยในการบริการตรวจรักษาผู้ป่วย
2. ตัวชี้วัดประสิทธิภาพและความคุ้มค่า (Efficiency and Cost – effectiveness indicators) ได้แก่
X ก. ค่าใช้จ่ายต่อหัวของเกษตรกรผู้เข้าอบรม
ข. จำนวนเกษตรกรผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ค. จำนวนวิทยากรที่ให้ความรู้ในการฝึกอบรมเกษตรกร
ง. ระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มผลการผลิตของเกษตรกร
3. ความหมายของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ข้อใดถูกต้อง
ก. การจัดหาให้ได้ทรัพยากรการบริหารมาอย่างประหยัด (Economy)
ข. การบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Efficiency)
ค. การได้ผลงานที่บรรลุเป้าหมายขององค์การ (Effectiveness)
Xง. ถูกทุกข้อ
4. ตัวชี้วัดผลผลิต (output indicators) ได้แก่
ก. จำนวนครูผู้สอนระดับประถมศึกษาของโรงเรียน
ข. ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักเรียนประถมศึกษา
Xค. จำนวนนักเรียนประถมศึกษาที่สอบได้เลื่อนชั้น
ง. เกรดเฉลี่ยของนักเรียนประถมศึกษาทั้งหมด
5. แผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐ แผนงานหลักใดที่ระบุไว้อย่างชัดเจนให้ภาครัฐเปลี่ยนแนวทางการบริหารงานไปสู่การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
Xก. แผนการปรับเปลี่ยนบทบาทภารกิจและวิธีบริหารงานของภาครัฐ
ข. แผนการปรับเปลี่ยนระบบงบประมาณ การเงินและการพัสดุ
ค. แผนการปรับเปลี่ยนระบบบริหารบุคคล
ง. แผนการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและค่านิยม
6. เงื่อนไขความสำเร็จของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ขั้นกับ
ก. ผู้บริหารมีความรู้ในการวางแผนกลยุทธ์และการวัดผลการปฏิบัติงาน
ข. การจัดทำระบบข้อมูลผลการปฏิบัติงาน
ค. ผู้บริหารระดับสูงมีความเข้าใจและสนับสนุน
Xง. ถูกทุกข้อ
7. การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์จะเน้นที่ผลลัพธ์ (outcomes) ของงานโดยจะให้ความสำคัญที่ใด
ก. การกำหนดพันธกิจ
ข.วัตถุประสงค์ของโครงการ/งาน เป้าหมายที่ชัดเจน
ค. กำหนดตัวชี้วัดผลการทำงานหลัก (KPI)
Xง. ถูกทุกข้อ
8. การบริหารโดยมุ่งผลสัมฤทธ์ นอกจากระบุไว้ในแผนปฏิรูปการบริหารภาครัฐแล้ว ยังระบุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546-2550) ด้วย อยากทราบว่าอยู่ในยุทธศาสตร์ใด
Xก. ยุทธศาสตร์ที่ 1 การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงาน
-ข. ยุทธศาสตร์ 2 การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน
ค. ยุทธศาสตร์ 3 การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยม
ง. ยุทธศาสตร์ 4 การเสริมสร้างระบบราชการทันสมัย
9. การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นรูปแบบการบริหารที่เน้นความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อประชาชนอย่างไร
ก. รัฐต้องแสดงว่ามีผลงานและให้บริการประชาชนเรื่องใดบ้าง
ข. รัฐต้องแสดงให้เห็นว่าผลงานและบริการเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร
ค. รัฐต้องอธิบายให้ประชาชนรู้ว่ากิจกรรมที่ทำเป็นการใช้เงินภาษีอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลและคุ้มค่า
Xง. ถูกทุกข้อ
10. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะขององค์การที่บริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
ก. มีพันธกิจ วัตถุประสงค์ขององค์การที่ชัดเจน และมีเป้าหมายเป็นรูปธรรม
ข. การตัดสินใจในการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงาน/โครงการต่างๆ พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก
Xค. การตัดสินใจ การบริหารเงิน บริหารคน ขึ้นอยู่กับผู้บริหารระดับสูง
ง. มีวัฒนธรรมและอุดมการณ์ร่วมกันในการทำงานที่สร้างสรรค์
11. ตัวชี้วัดผลลัพธ์ (outcome indicators) ได้แก่
ก. จำนวนเจ้าหน้าที่ให้บริการทำบัตรประชาชน
ข. ค่าใช้จ่ายในการให้บริการทำบัตรประชาชน
Xค. จำนวนผู้มาใช้บริการทำบัตรประชาชน
ง. เวลาเฉลี่ยในการให้บริการทำบัตรประชาชน
12. ขั้นตอนการพัฒนาระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ในองค์กรมีกี่ขั้นตอน
ก. 6 ขั้นตอน
ข. 7 ขั้นตอน
ค. 8 ขั้นตอน
Xง. 9 ขั้นตอน
13. องค์กรที่นำระบบบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ไปใช้อย่างเต็มรูปแล้ว จะได้ประโยชน์อะไรจากระบบนี้บ้าง
ก. ปรับปรุงการดำเนินการในระหว่างรอบการดำเนินงาน
ข. ช่วยในการวางแผนการดำเนินงานปีถัดไป
ค. ใช้ขอรับจัดสรรเงินรางวัลประจำปี
Xง. ถูกทุกข้อ
14. สมการผลสัมฤทธิ์ข้อใดเขียนได้ถูกต้อง
ก. ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ปัจจัยนำเข้า (Inputs) + ผลผลิต (Outputs)
ข. ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลลัพธ์ (Outcomes) - ผลผลิต (Outputs)
Xค. ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต (Outputs) + ผลลัพธ์ (Outcomes)
ง. ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต (Outputs) - ผลลัพธ์ (Outcomes)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น