วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

แบบทดสอบความรู้เรื่อง พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

1. พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มีผลบังคับใช้เมื่อไหร่
ก. มีผลใช้บังคับวันถัดไปจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. มีผลใช้บังคับพ้น 60 วันจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. มีผลใช้บังคับพ้น 90 วันจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. มีผลใช้บังคับพ้น 180 วันจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษ

2. เด็ก หมายความว่าอย่างไร
ก. บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์
ข. บุคคลที่มีอายุย่างปีที่เจ็ดถึงปีที่สิบหก
ค. ไม่เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส
ง. ข้อ ก และ

3. เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิดหมายความว่าอย่างไร
ก. เด็กที่ต้องรับภาระหน้าที่ในครอบครัวเกินวัย
ข. เด็กที่ไม่มีบิดามารดาหรือผู้ปกครองหรือมีแต่ไม่เลี้ยงดู
ค. เด็กที่ประพฤติตนไม่สมคว
ง. ถูกทุกข้อ

4. ข้อใดคือสถานรับเลี้ยงเด็กที่ถูกต้องที่สุด
ก. สถานที่รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กที่มีอายุไม่เกินห้าปีบริบูรณ์ และมีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
ข. สถานที่รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กที่มีอายุไม่เกินห้าปีบริบูรณ์ และมีจำนวนตั้งแต่หกคนขึ้นไป
ค. สถานที่รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กที่มีอายุไม่เกินหกปีบริบูรณ์ และมีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
ง. สถานที่รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กที่มีอายุไม่เกินหกปีบริบูรณ์ และมีจำนวนตั้งแต่หกคนขึ้นไป

5. ข้อใดไม่ใช่ผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

6. ใครเป็นประธานคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

7. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติต้องเป็นสตรีจำนวนเท่าใด
ก. ไม่น้อยกว่าหนึ่งคน
ข. ไม่น้อยกว่าสามคน
ค. ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสา
ง. ไม่น้อยกว่าสองในสาม

8. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี

9. ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นคณะกรรมการ คณะใด
ก. คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ
ข. คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวั
ค. คณะกรรมการคุ้มครองเด็กเขตพื้นที่การศึกษา
ง. ข้อ ข และ ค

10. การบังคับ ขู่เข็ญ หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร มีโทษตามข้อใด
ก. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรั
ค. จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

11. หากครูพบเห็นว่าเด็กถูกทารุณกรรมหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการเลี้ยงดูโดยมิชอบแต่ไม่รายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ มีโทษตามข้อใด
ก. จำคุกไม่เกินห้าเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินหกปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

12. ผู้ที่ขัดขวางพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปในเคหสถาน กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำทารุณกรรมเด็ก มีโทษตามข้อใด
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรั
ค. จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

13. ข้อใดไม่ใช่เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์
ก. เด็กชายบีไปตามหาเพื่อนไม่มีค่ารถกลับบ้า
ข. เด็กชายเอกมีผู้ปกครองถูกจำคุก
ค. เด็กชายน้อยต้องดูแลยายที่พิการตามลำพัง
ง. เด็กชายบอยไปเที่ยวงานวัดกับผู้ปกครองแล้วพลัดหลง

14. เด็กชายไก่อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์มีร่างกายพิการขาลีบ จะได้รับการสงเคราะห์อีกกี่ปี
ก. ไม่ได้รับการสงเคราะห์ต่อ
ข. ได้รับการสงเคราะห์อีกไม่เกิน 2 ปี
ค. ได้รับการสงเคราะห์อีกไม่เกิน 4 ปี
ง. กี่ปีก็ได้ แต่ไม่เกินอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์

15. เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพมีกี่ประเภท
ก. 3 ประเภ
ข. 4 ประเภท
ค. 5 ประเภท
ง. 6 ประเภท

16. ข้อใดไม่ใช่เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ
ก. เด็กที่ถูกทารุณกรรม
ข. เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
ค. เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ง. เป็นเด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพทุกข้

17. การส่งเด็กไปสถานแรกรับ สถานพัฒนาและฟื้นฟู ระหว่างการสืบเสาะและพินิจเพื่อหาวิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสม ให้กระทำได้ไม่เกินกี่วัน
ก. ไม่เกิน 3 วัน ขยายได้อีกไม่เกิน 7 วัน
ข. ไม่เกิน 3 วัน ขยายได้อีกไม่เกิน 15 วัน
ค. ไม่เกิน 7 วัน ขยายได้อีกไม่เกิน 15 วัน
ง. ไม่เกิน 7 วัน ขยายได้อีกไม่เกิน 30 วั

18. ผู้ที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลในการเข้าใกล้ตัวเด็กตามมาตรา 43 มีโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบา
ข. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ค. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
ง. จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท

19. ผู้ที่จัดตั้งหรือดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็ก โดยมิได้รับใบอนุญาต มีโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบา
ข. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ค. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
ง. จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท

20. การยุยง ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนให้นักเรียนหรือนักศึกษาฝ่าฝืนระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษาและระเบียบที่กำหนดในกฎกระทรวง มีโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ข. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ค. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
ง. จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบา

21. ใครเป็นประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็ก
ก. ปลัดกระทรวงยุติธรรม
ข. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ง. ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

22. โรงเรียนต้องจัดให้มีระบบงานใดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
ก. ระบบงานคุ้มครองเด็ก
ข. ระบบงานดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ค. ระบบงานแนะแน
ง. ถูกทุกข้อ

23. พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา มีหน้าที่ตามข้อใด
ก. สอบถามครู หรือหัวหน้าสถานศึกษา เกี่ยวกับความประพฤติ ของนักเรียน
ข. เรียกผู้ปกครองมาว่ากล่าวตักเตือน ว่าจะปกครองดูแลมิให้นักเรียนฝ่าฝืนระเบียบ
ค. เรียกให้หัวหน้าสถานศึกษาที่นักเรียนกำลังศึกษาอยู่มารับตัวนักเรียน
ง. ถูกทุกข้

24. ผู้ที่ไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่มีโทษตามข้อใด
ก. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบา
ข. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ค. จำคุกไม่เกินสองเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
ง. จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท

25. ผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กกระทำการเปิดเผยข้อมูลเด็กทำให้เกิดความเสียหายมีโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกินห้าเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรั
ค. จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินหกปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล