วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันสหกิจศึกษาไทย ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๕๓

ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี - นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานวันสหกิจศึกษา ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๕๓ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๓ ณ ห้อง Royal Jubilee Ballroom อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์

รมว.ศธ.กล่าวในพิธีเปิดว่า เมื่อเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) พัฒนาคุณภาพบัณฑิตใน ๓ เรื่อง คือ ต้องการเห็นบัณฑิตมีงานทำ มีการเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ และเข้าสู่เวทีโลกได้ภายใต้การจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยให้เป็น World Class University สำหรับโครงการสหกิจศึกษานั้น จากการที่ได้ติดตามขยายผลความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับสถานประกอบการต่างๆ ในปีที่ผ่านมา ทราบว่าประเทศไทยได้รับการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษากับสถานประกอบการจนทำให้มีมาตรฐานสูงขึ้น และได้รับการยอมรับจากประเทศสมาชิกสหกิจศึกษาของโลก อย่างไรก็ตามเราจำเป็นจะต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีของโลกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้การจัดการศึกษารองรับเทคโนโลยีชั้นสูงต่อไป เช่น นาโนเทคโนโลยี ไบโอเทค ฯลฯ ซึ่งเทคโนโลยีชั้นสูงเหล่านี้จะเข้ามาในสถานประกอบการอย่างหลากหลายมากขึ้น เราจึงต้องการผลิตบัณฑิตให้มีศักยภาพสูงขึ้น รองรับเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ เราต้องมุ่งหวังที่จะผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพอย่างน้อยในระดับอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดการค้าเสรีอาเซียนในปี ค.ศ.๒๐๑๕ ดังนั้นการพัฒนาบัณฑิตจึงต้องมีการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง และให้ถือเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การพัฒนาบัณฑิตในระดับโลกต่อไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่มีความเป็นห่วงมากคือ การผลิตบัณฑิตในระดับปริญญาตรี ยังมีปริมาณมาก จึงต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญมาช่วยแก้ปัญหา เพื่อให้บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาออกไปเข้าสู่วงจรการทำงานได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นคนมีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เพราะฉะนั้นจึงขอฝากให้ สกอ.ดูแลการพัฒนาหลักสูตรให้ผู้เรียนเท่าทันวิชาการ สนองตอบต่อเทคโนโลยีชั้นสูงต่อไปด้วย และจากการติดตามแผนอุดมศึกษาระยะยาว ๑๕ ปี ก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า การผลิตบัณฑิตให้ตรงกับความต้องการของสถานประอบการนั้น นอกจากการผลิตบัณฑิตให้มีความเชี่ยวชาญแล้ว ควรคำนึงถึงการผลิตให้ถูกใจคนในองค์กร เน้นให้ใช้ความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาการทำงานให้มากขึ้น ต้องยอมรับถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน รวมถึงการใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารและการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ขอฝากเรื่องการผลิตบัณฑิต ต้องเน้นให้มีการปลูกฝังในเรื่องสร้างสรรค์คุณธรรมจริยธรรม มีจิตอาสา มีความเป็นพลเมืองดี ปกป้ององค์กร เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือผลิตบัณฑิตให้เป็นคนเก่ง ดี อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และจะมีส่วนสร้างศักยภาพให้แก่ประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

โอกาสนี้ รมว.ศธ.ได้มอบโล่รางวัลโครงการสหกิจดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๓ รวม ๘ รางวัล ดังนี้

สถานศึกษาดำเนินงานสหกิจดีเด่นระดับชาติ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

สถานศึกษาดาวรุ่งด้านการดำเนินงานสหกิจศึกษาระดับชาติ ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ผู้บริหารสหกิจศึกษาในสถานศึกษาดีเด่นระดับชาติ ได้แก่ ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

สถานประกอบการดำเนินงานสหกิจศึกษาดีเด่น (ขนาดใหญ่) ระดับชาติ ได้แก่ บริษัท รวมเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด เครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง

สถานประกอบการดำเนินงานสหกิจศึกษาดีเด่น (ขนาดกลางและขนาดย่อม) ระดับชาติ ได้แก่ บริษัท สยามเซมเพอร์เมด จำกัด เครือข่ายภาคใต้ตอนบน

ผู้บริหารสหกิจศึกษาในสถานประกอบการดีเด่น ระดับชาติ ได้แก่ นายทศพล ตันติวงษ์ บริษัท สงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด เครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง

โครงงานสหกิจศึกษาดีเด่น ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชาติ ได้แก่ โครงงานการพัฒนาฟิล์มผสม Crude Pediocin สำหรับการยับยั้งการเจริญของเชื้อ Listeria Monocytogenes โดยนายวรพงษ์ วีระประโยชน์ อาจารย์นิเทศคือ ดร.มนัส ชัยจันทร์ จากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ผู้นิเทศงานคือ ดร.วรรณพ วิเศษสงวน สถานประกอบการคือ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ

โครงงานสหกิจศึกษาดีเด่น ด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และการจัดการ ระดับชาติ ได้แก่ โครงงานการศึกษาเปรียบเทียบการจัดการความรู้กับรูปแบบการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม SBG TEAM BASED LEARNING ของบริษัทฯ ในกลุ่มสมบูรณ์ และวัดความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรม TEAM BASED LEARNING ของบริษัทฯ ในกลุ่มสมบูรณ์ ระดับหัวหน้าส่วนงาน โดยนายนพพล บุญประเสริฐ อาจารย์นิเทศคือ อ.วทัญญู สุวรรณเศรษฐ์ จากมหาวิทยาลัยบูรพา ผู้นิเทศงานคือ นายเกียรติศักดิ์ นิยมลาภ สถานประกอบการคือ บริษัทในกลุ่มสมบู

ไม่มีความคิดเห็น: