วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สพฐ.เห็นคุณค่ารร.ขนาดเล็ก

ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังรอหารือกับกลุ่มสภาการศึกษาทางเลือกในการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก ตามนโยบายของนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ ที่ไม่ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยุบเลิกโรงเรียนขนาดเล็ก เพื่อให้เด็กต่างจังหวัดมีที่เรียนใกล้บ้าน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีทางออกที่ดี เพราะนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ ได้เปิดทางให้โรงเรียนทุกแห่งมีบทบาทในการจัดการศึกษาและทำประโยชน์ต่อบริบทของท้องถิ่น โดยเฉพาะมิติทางด้านการฝึกอาชีพเพื่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เด็กได้เรียนตามศักยภาพ โดยโรงเรียนขนาดเล็กจะตอบโจทย์นี้ได้

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า สพฐ.จะไม่ยุบรวมหรือยุบเลิกโรงเรียนขนาดเล็กแล้ว แต่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางบริหารจัดการ เพราะที่ผ่านมา สพฐ.อาจมองว่าโรงเรียนขนาดเล็กเป็นภาระ แต่ขณะนี้เห็นว่าจะทำประโยชน์ได้ จึงต้องมีการวางแผนในการบริหารจัดการ และมีข้อตกลงร่วมกัน เพื่อที่จะให้โรงเรียนขนาดเล็กเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของชุมชน ดังนั้นจึงเห็นว่าโรงเรียนขนาดเล็กจะเป็นโรงเรียนที่มีต้นทุนในการบริหารจัดการที่สามารถทำประโยชน์ได้ ซึ่งเบื้องต้นอาจให้ท้องถิ่นเข้ามาบริหารจัดการร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตามโรงเรียนขนาดเล็กจะต้องมีหลักประกันด้วย โดยต้องมีแผนบริหารจัดการที่ชัดเจนในการจัดการเรียนการสอนให้เกิดประโยชน์และมีคุณภาพ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ สพฐ.กำหนดเอาไว้.


ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

สอบ ผอ.ร.ร.แยกประถมฯ-มัธยมฯ

สพฐ.เร่งเขตพื้นที่การศึกษา ส่งบัญชีผู้สอบภาค ข และ ค เพื่อเข้ารับการอบรมกับ สพฐ.ให้เสร็จภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ หวังให้ผู้สอบขึ้นบัญชี มีสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้ง ผอ.ร.ร.แยกประถมฯ-มัธยมฯ...

ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ทำหนังสือแจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้ดำเนินการสอบภาค ก ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการและผู้อำนวยการสถานศึกษาใหม่ในช่วงเดือน ม.ค.2555 แล้ว ซึ่งการสอบดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนดไว้ คือการสอบจะแยกบัญชีระหว่างตำแหน่งรองและ ผอ.สถานศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งการสอบภาค ก ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้แยกระหว่างประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ทำให้เวลาเรียกผู้ที่สอบขึ้นบัญชีไปแต่งตั้งมีปัญหาบ้าง ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ของ ก.ค.ศ.จะกำหนดคุณสมบัติไว้ชัดเจน ว่าใครสอบเพื่อขึ้นบัญชีเป็นรองและ ผอ.สถานศึกษาในสายประถมฯและมัธยมฯได้ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ดังนั้น ผู้สอบจะไม่สามารถสมัครสอบได้ตามความต้องการหากคุณสมบัติไม่ครบตามที่กำหนด

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า สำหรับบัญชีภาค ก ที่ สพฐ.ได้สอบขึ้นบัญชีไว้นั้นครบกำหนดมาแล้วประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่ขณะนี้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาก็ยังมีบัญชีที่สอบภาค ข และภาค ค ที่ยังใช้ได้อยู่จนกว่า สพฐ.จะสอบภาค ก ในเดือนมกราคม และจะมีผลทำให้บัญชีดังกล่าวต้องยกเลิกไปด้วยตามระเบียบที่ สพฐ.กำหนดไว้ ดังนั้น ขณะนี้ สพฐ.กำลังเร่งให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาส่งบัญชีผู้สอบภาค ข และ ค เพื่อเข้ารับการอบรมกับ สพฐ.ให้เสร็จภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ เพื่อให้ผู้สอบขึ้นบัญชีกลุ่มนี้มีสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งหากมีตำแหน่งว่าง ก่อนที่ สพฐ.จะสอบภาค ก ในปีหน้า ระหว่างนี้ก็อาจจะมีโรงเรียนที่มีตำแหน่งรองและ ผอ.สถานศึกษาว่างอยู่บ้าง และน่าจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมากกว่าโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ทราบว่าหลายเขตพื้นที่การศึกษาก็ได้แต่งตั้งรักษาราชการแทนเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่แทนไปก่อน จึงไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ.

ที่มา นสพ.ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น: