วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สกศ.ขับเคลื่อนนโยบายครูภูมิปัญญาไทย

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดประชุมสมัชชาครูภูมิปัญญาไทยกับการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 16-17 ธันวาคม 2554 โดยเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา ดร.เอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธานกล่าวถึงทิศทางการสนับสนุน ครูภูมิปัญญาไทยกับการจัดการศึกษา ย้ำชัดว่า สกศ. ให้ความสำคัญคือการถ่ายทอดกระบวนการจัดการที่บรรดาครูภูมิปัญญาหรือปราชญ์ท้องถิ่นได้ดำเนินการไว้ในชุมชนและประสบความสำเร็จออกมาเป็นองค์ความรู้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับหมู่บ้านและชุมชนอื่นๆ และกำหนดประชุมครูภูมิปัญญาในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน พร้อมเตรียมถอดบทเรียนจัดพิมพ์เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อให้เกิดการสืบทอดองค์ความรู้ของภูมิปัญญารองรับประชาคมอาเซียนในปี 2558

เลขาธิการสภาการศึกษา ได้กล่าวถึงข้อเสนอของสมัชชาครูภูมิปัญญาภาคเหนือ ที่จัดขึ้นครั้งนี้ เน้นความยั่งยืนและความเป็นสากล แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้ข้อสรุปว่า ปัจจุบันขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ อีกทั้งเยาวชนไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่น ที่สำคัญที่สุดคือผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ให้ความสำคัญองค์ความรู้ที่มีในท้องถิ่น และขาดการสนับสนุนด้านงบประมาณและตัวบุคคลที่เป็นภูมิปัญญา นอกจากนี้ องค์ความรู้ของครูภูมิปัญญาไทยที่มีอยู่จำนวนมากยังไม่มีการนำไปสู่การเผยแพร่และประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง ดังนั้น สกศ.จะต้องมีบทบาทในการเชื่อมโยงสมัชชาครูภูมิปัญญาทุกภูมิภาคให้เป็นสมัชชาระดับประเทศ ให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน โดยเตรียมถอดบทเรียนของครูภูมิปัญญาไทยจัดพิมพ์เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และจะสนับสนุนให้ภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นความสำคัญของบุคลากรและองค์ความรู้ของครูภูมิปัญญาไทย ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ นางสาวสุทธาสินี วัชรบูล รองเลขาธิการสภาการศึกษา ไปจัดประชุมครูภูมิปัญญาในประเทศไทยและในระดับภูมิภาคอาเซียน

“สกศ.จะผลักดันให้ครูภูมิปัญญาไทยมีบทบาทมากกว่าการจัดการองค์ความรู้อยู่แต่ในชุมชน โดยจะให้ครูภูมิปัญญาไทย สามารถเป็นตัวแทนของนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อดูนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ไปสู่ท้องถิ่น ว่าประชาชนได้รับประโยชน์ หรือมีข้อดีข้อเสียหรือมีปัญหา อะไรบ้าง เช่น โครงการ SML กองทุนหมู่บ้าน หรือกองทุนพัฒนาสตรี เป็นต้น เพื่อชี้แนะหรือนำเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทยต่อไป” เลขาธิการสภาการศึกษากล่าว

ข่าวสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา

ไม่มีความคิดเห็น: