นพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ในส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งประเด็นอื่น ๆ ที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้ ดังนี้
การบังคับใช้พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 จากการที่พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่24 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปนั้น นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานได้ศึกษาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ดี เพราะเมื่อมีผลใช้บังคับแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ แต่ก็จะทำให้เกิดความโปร่งใสเป็นอย่างมากในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น เจ้าหน้าที่ หรือเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดจ้าง หรือการบริหารพัสดุ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการบริหารพัสดุโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดเป็นผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้สำหรับความผิดตามข้างต้นด้วย - การให้บริการแก่ประชาชนด้วยความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นายกรัฐมนตรีได้มีดำริที่จะให้ข้าราชการในหน่วยงานต่าง ๆ คิดงานง่าย ๆ ที่จะให้บริการแก่ประชาชนให้เป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น ลดงานกระดาษลง
- ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562
ซึ่งมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการจำนวนมาก จึงขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามปฏิทินงบประมาณอย่างจริงจัง - การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ในระหว่างวันที่ 21-22 สิงหาคม 2560 ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยขอให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง เดินทางไปด้วยเพื่อติดตามโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษา
- ให้
จัดระบบข้อมูลเด็กเก่งและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำให้กระทรวงศึกษาธิการรวบรวมรายชื่อเด็กที่มีความสามารถและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ จากการประกวดแข่งขันระดับนานาชาติในรายการต่าง ๆ เพื่อจัดทำรายนามเกียรติยศ ต่อยอดเพิ่มพูนความรู้ศักยภาพที่เก่งและดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก และเพื่อเป็นต้นแบบ (Idol) ให้กับนักเรียนอื่น ๆ ต่อไป โดยมอบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ - การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ คือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงาน กศน. ได้รายงานความคืบหน้าในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว โดยจะให้การช่วยเหลือสนับสนุนจนกระทั่งการฟื้นฟูภายหลังน้ำลดด้วย
- พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 โดย พ.ร.บ.ดังกล่าวได้กำหนดให้มี
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นรองประธานคนที่ 1 ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธานคนที่ 2 เป็นต้น และในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติขึ้นคณะหนึ่งหรือหลายคณะและผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นอกจากนี้ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านต่าง ๆ จัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน และให้นำความเห็นของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) มาประกอบการพิจารณา อย่างไรก็ตาม ให้คณะกรรมการจัดให้มีการทบทวนทุก 5 ปี หรือในกรณีที่สถานการณ์โลกหรือสถานการณ์ของประเทศเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการตามเป้าหมายยุทธศาสตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น