รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายอย่างชัดเจน ที่จะดำเนินการทุกอย่างให้ขาวสะอาดและโปร่งใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งการประชุมลักษณะเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ดีที่มีหลายฝ่ายมาเข้าร่วม ทำให้ได้ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นที่เป็นกลางสะท้อนกลับมายังกระทรวง โดยที่ประชุมครั้งนี้ได้รับทราบรายงานการแก้ไขปัญหาการทุจริต ศธ. ประเภทคดีทั่วไป ระหว่างเดือนสิงหาคม 2558-ธันวาคม 2560 รวมจำนวน 629 เรื่อง ซึ่งสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ 330 เรื่อง (52.46%) และอยู่ระหว่างดำเนินการ 299 เรื่อง (47.54%)
นอกจากนี้ ได้มีการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาทุจริตอีกกว่า 20 เรื่อง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นคดีที่มีผลกระทบในวงกว้างมูลค่าความเสียหายสูง ที่มีความก้าวหน้าในหลายส่วน อาทิ การจัดซื้อจัดจ้าง CCTV อยู่ระหว่างรายงานนายกรัฐมนตรี, การเรียกรับค่าตอบแทนรับนักเรียนชั้น ม.1 ด้วยวิธีพิเศษของ รร.สามเสนวิทยาลัย รอผลสรุปอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้น
ในส่วนของเรื่อง/คดีที่มีความล่าช้า ก็ได้ย้ำให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการที่มีความเกี่ยวข้องกับหลายส่วน ศธ.ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานในกำกับให้ทำงานอย่างโปร่งใส จึงต้องมอบหมายผู้รับผิดชอบติดตามแต่ละเรื่อง เพื่อช่วยสนับสนุน กำกับติดตามการดำเนินงานให้มีความรวดเร็ว ไม่เบี่ยงเบน และไม่มีอคติ โดยจะต้องทำงานคู่ขนานกับกระบวนการตรวจสอบขององค์กรอิสระด้วย ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นต้น ทั้งในเรื่องของการปรับปรุงห้องเรียน (e-Classroom) และห้องสมุดคุณภาพสู่มาตรฐานสากล (e-Library), โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา (อะควาเรียม) วิทยาลัยการประมงติณสูลานนท์ จ.สงขลา, คดีทุจริตการจัดสร้างสนามฟุตซอล เป็นต้น ตลอดจนถึงให้มีการตรวจสอบทุกโรงเรียนที่มีการก่อสร้างหลังคาคลุมลานอเนกประสงค์ ของ สพม. เขต 15 ทั้งนี้ สตง.เสนอให้ขยายการตรวจสอบการดำเนินโครงการลักษณะเดียวกันของ รร.ทั่วประเทศ และนอกจากนี้จะตรวจสอบการจัดหาและเช่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตเครือข่าย MOEnet ด้วย
สิ่งสำคัญคือต้องปรับระบบการทำงานของ ศธ.เอง ให้สามารถดำเนินงานสอบสวนทางวินัยคู่ขนานกับการตรวจสอบขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช. เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะรอให้การสอบสวนวินัยเสร็จสิ้น จึงจะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ทำให้การดำเนินงานล่าช้า ดังนั้นต่อจากนี้ทุกโครงการที่มีการกล่าวหาหรือมีเรื่อง จะขอให้ทั้ง ป.ป.ช. และ ปปง.ร่วมสืบไปพร้อมกัน และในเร็ว ๆ นี้จะหารือร่วมกับเลขาธิการ ปปง. ถึงความร่วมมือ (MOU) เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนการทุจริตด้านการศึกษา พร้อมจะจัดทำระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนในส่วนของ ศธ. ด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบการแต่งตั้ง ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รมช.ศธ. เป็นรองประธานกรรมการ ในคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการทุจริต ศธ. เพื่อกำหนดนโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริต พร้อมกำกับติดตามการแก้ไขปัญหา และแต่งตั้ง นายพีระ รัตนวิจิตร รองปลัด ศธ. เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินงานขับเคลื่อนการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ศธ. เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการ ขับเคลื่อน และดำเนินการแก้ไขปัญหาการทุจริต ติดตาม จัดทำระบบและบัญชีคดีความ พร้อมรายงานผลการดำเนินงาน ตลอดจนมอบหมายให้ทำหน้าที่ "หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ศธ." และ "หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรม สป.ศธ."
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานรัฐมนตรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น