อันดับ 2 ฟอสซิลไดโนเสาร์ปากเป็ด (Duck-billed Dinosaur) อายุ 75 ล้านปี ฟอสซิลไดโนเสาร์ปากเป็ดนี้ถูกค้นพบโดยทีมนักบรรพชีวินวิทยาของพิพิธภัณฑ์แอลฟ์ (Alf Museum) ชื่อวิทยาศาสตร์เรียกว่า ไกรโพซอรัส โมนูเมนท์เอนซิส (Gryposaurus monumentensis) นับได้ว่าเป็นฟอสซิลไดโนเสาร์ปากเป็ดที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบ และคาดว่าน่าจะเป็นไดโนเสาร์ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในแหล่งขุดข้นฟอสซิลบริเวณที่ราบทางตอนใต้ในรัฐยูทาห์ (Kaiparowits Plateau) เมื่อ 75 ล้านปีก่อน
อันดับ 3 กิ้งกือมังกรสีชมพู (Shocking pink dragon millipede) กิ้งกือมังกรสีชมพูมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า เดสโมไซเตส เพอร์พิวโรเซีย (Desmoxytes purpurosea) ลักษณะรูปร่างสวยงามแปลกประหลาด มีสีชมพูสดใสตลอดทั้งตัว มีหนามแหลมคล้ายมังกร และสามารถปล่อยสารพิษจำพวกไซยาไนด์ออกมาป้องกันไม่ให้ศัตรูทำร้ายได้ พบในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก มีตัวอย่างจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเดนมาร์ก มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน (Natural History Museum of Denmark, University of Copenhagen)
อันดับ 4 กบหายากของศรีลังกา กบชนิดนี้เป็นกบหายากที่พบในประเทศศรีลังกา ชื่อวิทยาศาสตร์เรียกว่า ฟิลอตัส ไมอา (Philautus maia) โดยก่อนหน้านี้เชื่อว่ากบดังกล่าวได้สูญพันธุ์ไปแล้วในปัจจุบัน แต่เมื่อมีการค้นพบกบชนิดนี้อีกครั้งจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่ในประเทศศรีลังกา ซึ่งกบดังกล่าวมีลักษณะเช่นเดียวกับตัวอย่างกบที่เก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2403 และต่อมาไม่เคยมีใครพบเห็นอีกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แล้ว จึงเป็นไปได้ที่จะไม่ค่อยมีใครรู้จัก
อันดับ 5 งูไทปันชนิดใหม่ (Central Ranges Taipan) หนึ่งในงูที่มีพิษร้ายมากที่สุดในโลก งูชนิดนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ออกไซอุรานัส เทมโพราลิส (Oxyuranus temporalis) พบในประเทศออสเตรเลีย อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในงูชนิดที่มีพิษรุนแรงที่สุดในโลก และเป็นญาติใกล้ชิดกับงูไทปันโพ้นทะเล (inland taipan) และงูไทปันชายฝั่ง (coastal taipan) ที่เป็นงูมีพิษร้ายแรงมากที่สุดอันดับ 1 และ 3 ของโลก ซึ่งการค้นพบงูชนิดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดประเภทสิ่งมีชีวิตที่มีพิษรุนแรงเพื่อประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยที่ถูกพิษจากสัตว์เหล่านี้
อันดับ 6 ค้างคาวผลไม้ (Mindoro stripe-faced fruit bat) ค้างคาวผลไม้ชนิดนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า สไตลอคทีเนียม มินโดเรนซิส (Styloctenium mindorensis) พบบนเกาะมินโดโร (Mindoro) ประเทศฟิลิปปินส์แห่งเดียวเท่านั้น และเป็นค้างคาวชนิดที่ 2 ในสกุลสไตลอคทีเนียม โดยชนิดแรกนั้นพบอยู่บนเกาะสุลาเวสี อินโดนีเซีย ค้างคาวผลไม้ชนิดนี้จัดเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของค้างคาวลดน้อยลง และยังถูกล่าจากมนุษย์ แต่การค้นพบค้างคาวชนิดใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาพฤติกรรมและการกระจายพันธุ์ของค้างคาวบนเกาะมินโดโรเพื่อหาวิธีอนุรักษ์ต่อไป
อันดับ 7 เห็ดเซอโรโคมัส ซิลวูดเอนซิส เซอโรโคมัส ซิลวูดเอนซิส (Xerocomus silwoodensis) เป็นเห็ดชนิดใหม่ที่พบอยู่ในซิลวูดแคมปัส (Silwood Campus) ในอิมพีเรียลคอลเลจ (Imperial College) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ก็ยังพบในบริเวณอื่นของอังกฤษอีก 2 แห่ง รวมทั้งในสเปนและอิตาลีอีกอย่างละหนึ่งแห่ง การค้นพบนี้มีความหมายอย่างยิ่งต่อการศึกษาชนิดของพืชพรรณต่างๆ ในบริเวณนั้น และสถานภาพของเห็ดชนิดนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้างในปัจจุบัน
อันดับ 8 - แมงกะพรุนกล่อง (box jellyfish) แมงกะพรุนชนิดใหม่นี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแมงกะพรุนอิรุคันจิ (irukandji jellyfish) เป็นแมงกะพรุนกล่องชนิดที่ 2 ของในสกุลมาโล (Malo) ซึ่งมีพิษรุนแรงมาก ชื่อวิทยาศาสตร์เรียกว่า มาโล คิงกิ (Malo kingi) โดยตั้งตามชื่อของโรเบิร์ต คิง (Robert King) นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่เสียชีวิตเนื่องจากถูกพิษของแมงกะพรุนชนิดนี้ขณะเล่นน้ำทะเลอยู่ทางตอนเหนือของควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย การตายของคิงทำให้เกิดการตื่นตัวและหาวิธีการจัดการแมงกะพรุนชนิดดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
อันดับ 9 ด้วงแรด (Rhinoceros beetle) ที่มาของชื่อด้วงแรดมาจากลักษณะของเขาที่โค้งงอเหนือศีรษะของด้วงที่มองดูคล้ายกับนอของแรด ชื่อวิทยาศาสตร์เรียกว่า เมกาซีราส ไบรอันซาลตินี (Megaceras briansaltini) พบในประเทศเปรู ซึ่งลักษณะโดดเด่นแปลกประหลาดของด้วงแรดนี้ยังไปคล้ายคลึงกับด้วงแรดสีฟ้าในภาพยนตร์เรื่อง อะ บักส์ ไลฟ์ (A Bug's Life) อีกด้วย
อันดับ 10 ต้นมิชลินแมน (Michelin Man™ Plant) พืชชนิดใหม่รูปร่างประหลาด มีข้อปล้องพองๆ มองดูคล้ายกับมิชลินแมน (Michelin Man™) ตัวการ์ตูนที่เป็นพรีเซนเตอร์ของยางมิชลิน เลยถูกตั้งชื่อให้ว่าต้นมิชลินแมน ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์เรียกว่า เทคติคอร์เนีย ไบเบนดา (Tecticornia bibenda) พืชชนิดนี้ถูกค้นพบทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลียร่วมกับพืชชนิดใหม่อื่นๆ รวมทั้งสิ้น 298 ชนิด
1 ความคิดเห็น:
มีแต่ของแปลก ๆๆทั้งนั้น
แสดงความคิดเห็น