วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

4รอยพุทธบาทที่กาฬสินธุ์

รอยพระพุทธบาทบริเวณลานหินในวัดถ้ำพระฤาษีวิปัสนาธรรม บ้านวังเวียง ต.นาคู อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ อยู่กลางวนอุทยานภูแฝก

บริเวณที่พบร่องรอยพระพุทธบาท อยู่บริเวณลานหินภายในวัด ซึ่งร่องรอยที่ 1 และ 2 เป็นรอยที่เกิดจากธรรมชาติมีน้ำผุดออกจากรอยพระพุทธบาทตลอดเวลา ห่างออกไปประมาณ 43 เมตรพบร่องรอยพระพุทธบาทรอยที่ 3 และ 4 ซึ่งจากร่องรอยชุดนี้ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นร่องรอยพระพุทธบาทจากฝีมือมนุษย์

นอกจากนี้ทางทิศเหนือของร่องรอยพระพุทธบาทห่างไปอีกประมาณ 10 เมตร ยังพบมีการแกะสลักกลีบบัว 7 กลีบ ซึ่งการค้นพบครั้งนี้นับว่าเป็นการค้นพบที่ทำให้ทราบถึงความเจริญทางโบราณสถานในอดีตกาลเป็นอย่างดี

พระอาจารย์น้อย ถิรวโส เจ้าอาวาสวัดป่าถ้ำพระฤาษี อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้พบร่องรอยพระพุทธบาทและสิ่งมีค่าอื่นๆ หลายรายการโดยบังเอิญ ขณะทำวิปัสสนาอยู่บริเวณลานหินจึงได้นำน้ำมาราดดูพบเป็นร่องรอยชัด เมื่อเดือนมีนาคมปี 2552 ก่อนหน้านี้ตั้งแต่มาจำพรรษาอยู่ได้พบเศียรพระไม้ 1 เศียร พระพุทธรูปไม้ 3 องค์จึงเก็บรักษาไว้ภายในวัด

จนกระทั่งพบรอยพระพุทธบาททั้ง 4 รอย จึงแจ้งอำเภอนาคูให้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ซึ่งก็มีหลายฝ่ายมาดู รวมทั้งสำนักศิลปากรที่ 10 ร้อยเอ็ด เข้ามาตรวจสอบและชี้ชัดว่าเป็นโบราณสถานจริงแต่โบราณสถานแห่งนี้กลับยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนใดๆ เลย

"อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานให้ถูกต้องตามหลักกฎหมาย เพื่อป้องการการเข้ามาแอบอ้างหวังผลประโยชน์ นอกจากนี้ยังจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของกาฬสินธุ์ด้วย และยากให้เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยโบราณสถานแห่งนี้" เจ้าอาวาสวัดป่าถ้ำพระฤาษี กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ เพชรสังหาร วัฒนธรรมกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ร่องรอยพระพุทธบาทที่พบคล้ายกับร่องรอยพระพุทธบาทคู่สระมรกต เมืองศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี มีอายุประมาณศตวรรษที่ 12-14 ซึ่งของกาฬสินธุ์นั้นยังพบรูปแกะสลักกลีบดอกบัว 7 ดอกเรียงแนวเดียวกันอยู่ห่างจากร่องรอยพระพุทธบาทเพียง 10 เมตร ความพิเศษคือรอยพระพุทธบาทที่พบการพบรอยพระพุทธบาทที่เกิดจากธรรมชาติและมีน้ำผุดธรรมชาติผุดออกมาตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่เป็นลานหินกว้าง จึงถือเป็นความมหัศจรรย์ในพบรอยพระพุทธบาทของกาฬสินธุ์

"รอยพระพุทธบาทที่พบนั้นมีขนาดความยาว 60 เซ็นติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร นิ้วเท้าทั้ง 5 เรียงเท่ากัน มีอายุน่าจะประมาณ 1,100 ปี เป็นลักษณะขนาดเท่ากันกับพบก่อนนี้ที่บริเวณภูปอ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไปแล้ว ตอนนี้รอเพียงการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานให้ถูกต้องตามหลักกฎหมาย เบื้องต้นได้รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินการดูแลรักษาตามมาตรการรักษาความปลอดภัยการให้ความรู้กับชาวบ้านในการดูแลรักษามรดกมีค่านี้ไว้ให้ดีป้องกันการมาทำลายจากผู้ไม่หวังดี” วัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ระบุ

ไม่มีความคิดเห็น: