วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มาตรการทางภาษีเชิงรุกเพื่อสนับสนุนการอ่าน

รมว.ศธ.กล่าวว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ ได้กำหนดให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ และกำหนดให้วันที่ ๒ เมษายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นวันรักการอ่าน นอกจากนั้นกำหนดให้ปี ๒๕๕๒ - ๒๕๖๑ เป็นทศวรรษแห่งการอ่าน และให้มีการตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งมี รมว.ศธ. เป็นประธาน โดยกระทรวงศึกษาธิการได้เสนอมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการอ่าน เพื่อส่งเสริมให้การอ่านเป็นต้นทุนทางปัญญาที่สำคัญของสังคมไทย

รมว.ศธ.ได้กล่าวถึงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๓ ว่าได้มีการพิจารณามาตรการที่เสนอไป ๓ ส่วน ดังนี้

มาตรการจูงใจให้กับผู้ที่บริจาคหนังสือหรือสื่อเพื่อส่งเสริมการอ่านแก่หน่วยงานราชการ สถานศึกษา ได้มีโอกาสในการลดหย่อนภาษีเป็น ๒ เท่า ไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของรายได้ที่เอามาคำนวณทางภาษี รวมถึงนิติบุคคลหากมีการบริจาคก็สามารถลดหย่อนเป็น ๒ เท่าเช่นเดียวกัน ไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของรายได้ที่เอามาคำนวณทางภาษี

มาตรการของผู้ซื้อหนังสือเพื่อพัฒนาตนเองหรือให้กับองค์กรต่างๆ กรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาได้รับการลดหย่อนค่าใช้จ่ายไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาทต่อปี ส่วนนิติบุคคลได้รับการลดหย่อนไม่เกินร้อยละ ๓๐

มาตรการจูงใจสำหรับผู้ผลิตหนังสือรวมทั้งนิตยสาร ให้มีมาตรการในการเข้าอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ ๐ ซึ่งการเปลี่ยนมาเป็นฐานภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ผลิตหนังสือและสื่อเพื่อการศึกษา เพื่อเป็นการจูงใจในการลดต้นทุนการผลิต ทำให้คาดได้ว่าราคาหนังสือนั้นถูกลง

จากมาตรการทั้งหมดเหล่านี้ ทางรัฐบาลอาจสูญเสียรายได้จากการลดหย่อนภาษีประมาณ ๓๕๐ ล้านบาท หากได้มีการรณรงค์ให้บริจาคหนังสือหรือซื้อหนังสือมาอ่านให้มากขึ้นก็จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาในเรื่องของการอ่านอย่างยั่งยืนต่อไป และที่สำคัญคือสนองตอบต่อการส่งเสริมการอ่านให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น: