วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ศธ.รวมพลังสร้างความปรองดองเพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย


นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ ครู นักเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมเปิดงาน ศธ.รวมพลังสร้างความปรองดองเพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ซึ่งพิธีเปิดงานได้เชื่อมโยงสัญญาณการถ่ายทอดสดไปยัง จ.อุบลราชธานี พิษณุโลก และสุราษฎร์ธานี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศแผนการปรองดองแห่งชาติ มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การมีส่วนร่วมจากทุกคน เพื่อให้ประเทศกลับคืนสู่สภาวะปกติ สงบสุข เกิดความปรองดองและความสามัคคี ทุกคนที่เป็นเจ้าของประเทศจึงต้องเข้ามามีส่วนร่วมและมีส่วนสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น โดยขอให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมผลักดันอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ

ซึ่งในช่วง ๒-๓ สัปดาห์ที่ผ่านมามีหลายภาคส่วนแสดงเจตนารมณ์และเริ่มต้นกิจกรรม ทั้งริเริ่มด้วยตนเองของภาคธุรกิจ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และที่ได้ประสานงานมายังหน่วยงานของรัฐ

การวางรากฐานให้สังคมมีความเข้มแข็งเป็นสังคมแห่งความปรองดองที่แท้จริง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การพัฒนาคน การปลูกฝังจิตสำนึก ค่านิยมที่ถูกต้อง ทำให้คนมีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความพร้อมในการอยู่ร่วมกันในสังคม เป็นภารกิจที่รัฐบาลและ ศธ. ได้ดำเนินการภายใต้กรอบการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองอยู่แล้ว ซึ่งการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองที่มุ่งเน้นคุณภาพการศึกษา การสร้างความพร้อมให้คนไทยทุกคนได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ หัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาเรื่องคุณภาพ คือ คุณภาพของคนที่สะท้อนผ่านทักษะ และการดำรงชีวิต นอกจากระบบการศึกษาที่ให้ความรู้กับเด็กและเยาวชนแล้ว จะต้องสามารถปลูกฝังและสร้างทักษะของการดำรงชีวิต คือ การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมที่มีความแตกต่างหลากหลายได้ การดำเนินการจะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงกระบวนการการเรียนการสอน มีการเรียนรู้จากการปฏิบัติและการทำกิจกรรม ความคิดริเริ่มของทุกภาคส่วนใน ศธ. ไม่ว่าจะเป็น เด็ก นักเรียน นักศึกษา ทุกสังกัด โดยเฉพาะสังกัด กศน. ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในระบบการศึกษา ได้ร่วมกิจกรรม เพื่อสะท้อนและกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในเรื่องการใช้สิทธิเสรีภาพ การมีส่วนร่วม และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในสังคม เพื่อนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมที่ดี พลเมืองที่ดีในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งมีความหลากหลาย และสามารถใช้ความหลากหลายเป็นประโยชน์ในการสร้างสิ่งดีๆ แก้ไขปัญหาของตนเอง และชุมชนต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงลักษณะสำคัญของ ศธ. ที่จะนำไปสู่การผลักดันแผนปรองดองแห่งชาติ ดังนี้

ศธ.ทำงานด้านการพัฒนาคนเป็นภารกิจหลัก และภารกิจเฉพาะ ซึ่งเป็นหัวใจของความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคน

ศธ.ทำงานเกี่ยวกับความรู้และความจริง โดยการที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ จะต้องตั้งอยู่บนความมีสติ ซึ่งสติจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องฝึกฝนโดยใช้ฐานของความรู้ และใช้ความคิดในทางสร้างสรรค์ เพื่อแก้ไขปัญหา การใช้วิชาการ ความรู้ ความจริง และความคิดเชิงบวก จึงเป็นเครื่องมือและกุญแจสำคัญในการสร้างความปรองดอง

ศธ.เป็นกระทรวงแห่งอนาคต เพราะเป็นผู้สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทน เพื่อดูแล รับผิดชอบ และเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ซึ่งพลังของเด็ก เยาวชน จะมีทั้งในเรื่องความกล้าหาญ ความคิดสร้างสรรค์ ถ้า ศธ.สามารถนำพลังเหล่านี้ออกมาในเชิงบวกได้ ก็จะเป็นพลังมหาศาลในการขับเคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง ทั้งในระดับสังคม และประเทศชาติต่อไป

รมว.ศธ.กล่าวภายหลังเปิดงานว่า สำหรับการพัฒนาคนของ ศธ. นอกจากนักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งผู้บริหารของ ศธ.แล้ว ยังมีผู้ปกครองที่จะร่วมกันรับผิดชอบดูแล และมีส่วนในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความปรองดองกับ ศธ.ด้วย ศธ.มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติที่ดีในเรื่องวิถีชีวิตและความเป็นพลเมืองของคนไทย ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ศธ.ที่จะต้องปรับหลักสูตร เปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนการสอน เร่งพัฒนาคนให้เคารพกติกา เคารพผู้อื่น เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ซึ่งเป้าหมายในการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ก็เพื่อให้เป็นคนเก่ง ดี มีความสุข

นอกจากนี้ ศธ.ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับกำลังสำคัญในอนาคต การขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่การสร้างอนาคตที่ดีแก่ประเทศนั้น ไม่มีรากฐานใดจะสำคัญเท่ากับรากฐานด้านการศึกษา จึงเป็นหน้าที่ของ ศธ.ที่จะรวมใจและรวมพลังทุกภาคส่วน เพื่อให้เป็นพลังทวีคูณสนองตอบต่อนโยบายในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ร่วมใจปฏิรูปการศึกษา ร่วมกับ ศธ.ต่อไป.

ไม่มีความคิดเห็น: