วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ.: การปลอมลายมือชื่อข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ด้วยกันไปหาประโยชน์

สามารถ ข่าวดี  ผู้อำนวยการภารกิจกฎหมาย อุทธรณ์ และร้องทุกข์

          ด้วยปรากฏว่ายังมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปลอมลายมือชื่อข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยกันไปหาประโยชน์ ดังเช่นกรณีปลอมลายมือชื่อในการกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยที่อาจไม่ทราบว่าการกระทำเช่นนี้คณะรัฐมนตรีให้ถือว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีความผิดตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ.2547 กรณีกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงระดับโทษถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ แม้ว่าภายหลังจะนำเงินมาคืนผู้เสียหายครบจำนวนแล้วก็ตาม ก็มิได้ทำให้การกระทำความผิดฐานปลอมลายมือชื่อผู้อื่นที่เป็นความผิดสำเร็จแล้วนั้นกลับกลายเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง ก.ค.ศ.ก็ได้ยึดถือปฏิบัติเป็นแนวทางในการพิจารณาโทษข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยมีการกำหนดมาตรฐานในการพิจารณาโทษ คือ กรณีปลอมลายมือชื่อผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการหรือบุคคลอื่นอย่างร้ายแรง ระดับโทษไล่ออกหรือปลดออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี ซึ่งกรณีนี้ได้มีมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0505/ว 197 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2548 เรื่อง การพิจารณาการกระทำผิดวินัยของข้าราชการ ได้แจ้งให้ส่วนราชการและคณะกรรมการข้าราชการตามกฎหมายต่างๆ ถือปฏิบัติว่า "ในกรณีข้าราชการกระทำผิดวินัย โดยปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปหาประโยชน์ ให้ถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงและลงโทษอย่างน้อยปลดออกจากราชการ" โดยถือเป็นความผิดตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณีกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง  ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้เคยมีหนังสือแจ้งเวียนกำชับให้ส่วนราชการต่างๆ ทราบ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค. ที่ ศธ 1506/ว 3 ลงวันที่ 21 เมษายน 2537 เรื่อง การปลอมลายมือชื่อข้าราชการครูด้วยกันไปหาประโยชน์ เพื่อเป็นการยับยั้งและป้องปรามมิให้ข้าราชการครูกระทำผิดวินัยในกรณีทำนองนี้อีก รวมทั้งเป็นการซักซ้อมให้ข้าราชการครูทราบถึงมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว นอกจากนี้ การปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นเพื่อไปใช้ประโยชน์ยังถือว่าเป็นการปลอมเอกสาร เป็นความผิดทางอาญา ตามมาตรา 264 แห่งประมวลกฎหมายอาญามีโทษปรับหรือจำคุกหรือทั้งจำ ทั้งปรับอีกด้วย
        จึงขอแจ้งให้เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทราบถึงโทษของการปลอมลายมือชื่อของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยกันไปกู้เงินสหกรณ์ โดยที่ผู้ถูกอ้างชื่อไม่ทราบหรือมิได้มอบหมาย หรือยินยอมแต่ประการใด แม้ผู้ที่ปลอมลายมือชื่อจะนำเงินมาชดใช้คืนจนครบจำนวนแล้วก็ตาม ก็มิได้ทำให้การปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปกู้เงินสหกรณ์ที่เป็นความผิดสำเร็จแล้วนั้น เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ อีกทั้งอาชีพข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีหน้าที่อบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดี และต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ เพื่อที่จะเติบโต เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติในอนาคต หากข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากระทำผิดวินัยหรือประพฤติชั่วเสียเองแล้ว จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ศิษย์ได้อย่างไร จึงขอให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พึงทราบถึงโทษของการปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปกู้เงินสหกรณ์ว่าจะต้องได้รับโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกหรือปลดออกทีเดียว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน


ครูนับหมื่นเฮ!เลื่อนอันดับเงินเดือน เริ่ม'คศ.2-คศ.5' สูงสุด 69,810 บาท ใช้งบ 491 ล้าน-ย้อนหลัง 1 เม.ย.54
           เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือขั้นต่ำกว่า หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ (ฉบับที่) พ.ศ. .... ตามที่ ศธ.เสนอไปแล้วนั้น ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาร่างกฎ ก.ค.ศ.ฉบับดังกล่าวเสร็จแล้ว รอ ศธ.แจ้งยืนยัน และจะได้นำเรื่องนี้แจ้งให้ ครม.รับทราบ เพื่อรอประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยร่างกฎ ก.ค.ศ.ดังกล่าวมีผลให้ข้าราชการครูฯ ได้รับขวัญ กำลังใจ และสิทธิประโยชน์อย่างเป็นธรรมเสมอภาคกันยิ่งขึ้น
         "ครูผู้ช่วยเมื่อผ่านการเตรียมความพร้อม และพัฒนาอย่างเข้มแล้ว จะได้รับการแต่งตั้งให้ ดำรงตำแหน่งครู ให้ได้รับเงินเดือนในอันดับ คศ.1 ตามที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนด โดยใช้ตารางเทียบขั้นเงินเดือนตามที่ ก.ค.ศ.กำหนดไว้ ซึ่งขณะนี้ระดับปริญญาตรีจะได้รับเงินเดือนรวมประมาณ 15,000 บาท ส่วนข้าราชการครูฯ ที่เงินเดือนถึงขั้นสูงของอันดับ คศ.2, คศ.3 หรือ คศ.4 จะได้รับการเลื่อนเงินเดือนต่อไปได้ โดยให้ไปรับเงินเดือนในอันดับถัดไปได้อีกหนึ่งอันดับ" นายสุชาติกล่าว     
           นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวต่อว่า ร่างกฎ ก.ค.ศ. ฉบับนี้จะมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 ที่มีการเลื่อนขั้นเงินเดือนครั้งแรกของปี 2554 โดย ข้าราชการครูฯ ที่ได้รับเงินเดือนอันดับ คศ.2 ในขั้นสูงสุดที่ 37,830 บาทแล้ว จะสามารถเลื่อนอันดับเงินเดือนไปที่ คศ.3 ได้เลย จากกฎ ก.ค.ศ.เดิม การจะเลื่อนอันดับเงินเดือนแต่ละ คศ.ได้ จะต้องผ่านการเลื่อนและประเมินวิทยฐานะตามที่กำหนดไว้เท่านั้น ทำให้ข้าราชการครูฯ ที่เงินเดือนตันแต่ละอันดับ ไม่สามารถเลื่อนเงินเดือนได้ ส่วนผู้ที่ได้รับเงินเดือนขั้นสูงของ คศ.3 ที่ 53,880 บาท จะเลื่อนไปอันดับ คศ.4 ที่มีอันดับเงินเดือนสูงสุดที่ 62,760 บาท เช่นเดียวกับข้าราชการครูฯ ที่รับเงินเดือนขั้นสูงสุด คศ.4 จะเลื่อนไปรับเงินเดือนในอันดับ คศ.5 ได้เช่นเดียวกัน โดย คศ.5 จะมีเงินเดือนขั้นสูงสุดอยู่ที่ 69,810 บาท เทียบเท่ากับข้าราชการระดับ 11
          "ขณะนี้มีเพื่อนข้าราชการครูฯ ที่จะได้รับการเลื่อนอันดับเงินเดือนให้สูงขึ้นประมาณ 9 พันกว่าคน โดย ก.ค.ศ.ได้เสนอขออนุมัติงบประมาณไว้ 491.5 ล้านบาท" นางรัตนากล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

ไม่มีความคิดเห็น: