วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ.: การบรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ ซึ่งอยู่ระหว่าง รับราชการทหาร


ศรีชัย พรประชาธรรม ผอ.ภารกิจนโยบายและระบบบริหารงานบุคคล          ตามที่สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้แจ้งหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ให้ส่วนราชการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และหน่วยงานการศึกษาทราบและถือปฏิบัติแล้ว ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ด่วนที่สุด ที่ ศธ 0206.6 / ว 14 ลงวันที่ 25 เมษายน 2555 และได้มีการสอบแข่งขันไปแล้วเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2555 โดยในการสอบแข่งขันแต่ละครั้งก็จะมีผู้สมัครสอบแข่งขัน เช่น ผู้สมัครสอบแข่งขันที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาใหม่ ผู้ที่ทำงานในภาคเอกชน หรือผู้ซึ่งรับราชการทหารกองประจำการ เมื่อมีการสอบแข่งขันและประกาศผลการสอบแข่งขันเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการเรียกผู้สอบแข่งขันได้ให้มารายงานตัวเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในการเรียกมารายงานตัวนั้นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ได้มีข้อหารือกรณีที่ผู้สอบแข่งขันได้มารายงานตัว เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย แต่ผู้สอบแข่งขันได้ซึ่งมารายงานตัวอยู่ระหว่างรับราชการทหารกองประจำการ ว่าจะขออนุมัติบรรจุและแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ผู้ช่วย เมื่อพ้นจากการรับราชการทหาร โดยระหว่างรับราชการทหารไม่เป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงได้หรือไม่
          กรณีหารือดังกล่าว ก.ค.ศ.พิจารณาแล้ว มีมติอนุมัติให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาบรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ ซึ่งได้มารายงานตัวภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย แต่อยู่ระหว่างรับราชการทหาร โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้สอบแข่งขันได้ดังกล่าว ต้องพ้นจากราชการทหารแล้ว และได้ยื่นคำขอภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พ้นจากราชการทหาร โดยต้องมีเอกสารหลักฐานที่รับรองว่า ในระหว่างรับราชการทหาร มิได้กระทำการใดๆ จนเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงระหว่างรับราชการทหาร และเป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไป ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 โดย ไม่ต้องเสนอขออนุมัติ ก.ค.ศ.
          จะเห็นได้ว่า ก.ค.ศ. ให้ความสำคัญในการสรรหาบุคคล เพื่อให้ได้คนดี คนเก่ง และคุณสมบัติดี สำหรับการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา แม้ผู้สอบแข่งขันได้จะรับราชการทหารกองประจำการอยู่ก่อนแล้ว และยื่นคำขอเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้ง ก.ค.ศ. ก็ยังต้องดูถึงประวัติการรับราชการในด้านความประพฤติ เพราะต้องการได้ข้าราชการครูที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาการเรียนการสอน เพื่อสร้างเยาวชนพลเมืองของชาติที่มีความรู้ความสามารถควบคู่กับการมีคุณธรรมจริยธรรมในอนาคต
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน


สพฐ.เล็งเฟ้น 10 รางวัลครูเกียรติยศ เร่งเกณฑ์ประเมินยกย่องผู้เสียสละ-เพิ่มเครดิต

          นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงการจัดงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 62 ว่า การจัดงานผ่านไปด้วยดี ผลงานนักเรียนเป็นที่น่าพอใจ และทุกเขตพื้นที่การศึกษาให้ความสนใจ โดยมีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาศึกษา (สพป.) ศรีสะเกษ เขต 2 ได้รับเหรียญรางวัลจากการส่งผลงานนักเรียนเข้าแข่งขันมากที่สุด ขณะที่โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา (สพม.) เขต 35 ได้รับเหรียญรางวัลมากที่สุดเช่นกัน ซึ่งจากผลการแข่งขันนี้ สพฐ.จะมาวิเคราะห์หาจุดอ่อนเขตที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ และต่อยอดนักเรียนที่ได้รับรางวัลเหรียญทองในด้านวิชาการ 8 กลุ่มสาระวิชาหลัก ด้านภาษา ศิลปหัตถกรรม โดยจะจัดทำฐานข้อมูลพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพมากขึ้น เชื่อมโยงกับการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะอัจฉริยะภาพเด็ก ซึ่งในปีนี้เริ่มจัดตั้งแล้ว 9 ศูนย์
          เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในปีการศึกษา 56 สพฐ.จะกำหนดให้มีรางวัล Hero Obec หรือ 'คนดีศรีสพฐ.' ขึ้น โดยแสวงหาครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีอุดมการณ์ทุ่มเท และเสียสละ เพื่อนักเรียนและการศึกษา ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญ โดยกำหนดขึ้นมา 10 รางวัล แบ่งเป็นครูสายผู้สอน 4 ภูมิภาค ภูมิภาคละ 1 รางวัล และผู้บริหารสถานศึกษา 4 ภูมิภาค ภูมิภาคละ 1 รางวัล และที่เหลืออีก 2 รางวัล คือ รางวัลบุคลากร 38 ค (2) บุคลากรประจำเขตพื้นที่การศึกษา 1 รางวัล และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั้งประถมฯ และมัธยมฯ 1 รางวัล
          "ขณะนี้สพฐ.กำลังดำเนินการจัดทำเกณฑ์ในการประเมินให้คะแนนต่างๆ อยู่ โดยผู้ที่จะได้รับรางวัลเหล่านี้จะสมัครขอรับรางวัลไม่ได้ ต้องให้เสนอชื่อและมีกรรมการไปประเมิน ซึ่งจะประกาศและมอบรางวัลในวันสถาปนาสพฐ.ในเดือนก.ค.นี้ รางวัลดังกล่าวไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปสู่การประเมินวิทยฐานะเหมือนรางวัล Obec Awards แต่ผู้ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศนี้จะถือเป็นเครดิต เป็นประโยชน์ต่อการเจริญก้าวหน้าต่อไป" นายชินภัทรกล่าว

ข่าวสด ฉบับวันที่ 5 มี.ค. 2556



พงศ์เทพเล็งเลื่อนสอบครูผู้ช่วย รอให้ผลเชือดขบวนการโกงออกมาก่อน/ดีเอสไอลงอีสานหาข้อมูลเพิ่ม

          กรุงเทพฯ * โกงสอบครูผู้ช่วยพิเศษ กระทบการสอบครูผู้ช่วยทั่วไป "พงศ์เทพ" เห็นด้วยเลื่อนสอบออกไปก่อนจากกำหนดเดิมเดือน เม.ย. ชี้ควรรอให้การสอบสวนขบวนการโกงสอบครูผู้ช่วยสุดฉาวเสร็จสิ้น ส่วนการจัดสอบใหม่ต้องกำจัดจุดอ่อน หาวิธีที่รัดกุมโปร่งใสยิ่งขึ้น ด้านดีเอสไอลงพื้นที่อีสานหาข้อมูลเพิ่ม เจาะลึกขบวนการโกงใครเอี่ยวบ้าง
          วันที่ 3 มีนาคม 2556 นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบพบทุจริตการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นพิเศษหรือเหตุพิเศษ หรือ ว12 ซึ่งตรวจพบว่าอาจมีผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เกี่ยวข้อง ขณะที่นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เตรียมเสนอให้เลื่อนการสอบบรรจุข้าราชการครูทั่วไปในเดือน เม.ย.นี้ออกไปก่อน ว่า แนวคิดของนายเสริมศักดิ์เป็นเรื่องที่ดี เพราะต้องตรวจสอบการทุจริตกรณีที่เกิดขึ้นนี้ให้เรียบร้อยก่อน เพื่อจะได้ดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีจุดบกพร่องที่ใด จะได้อุดจุดบอดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก และจัดระบบการสอบครั้งใหม่ให้รัดกุมโปร่งใส เพื่อไม่ให้มีใครได้เปรียบเสียเปรียบหรือมีใครรู้ข้อสอบก่อน อย่างไรก็ตามตนขอรอการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก่อน ซึ่งคิดว่าอีกไม่นาน
          รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า สำหรับข้อซักถามว่าในส่วน ศธ.จะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นหรือไม่ กรณีอาจมีผู้บริหารระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ขณะนี้ดีเอสไอเป็นองค์กรจากภายนอกที่ตรวจสอบอยู่ และเราก็เชื่อว่าข้อมูลจากดีเอสไอเป็นกลางที่สุด หากให้ ศธ.หรือ สพฐ.ตรวจสอบเอง สาธารณชนอาจเกิดความคลางแคลงใจ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสัปดาห์นี้ดีเอสไอนำโดยนายธานิน เปรมปรีดิ์ รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ พร้อมชุดสอบสวนจะลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดต่างๆ ที่มีการเปิดสอบครูผู้ช่วย เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานให้ชัดเจนทั้ง 3 ประเด็น ทั้งการให้ท่องเฉลยข้อสอบการเข้าห้องสอบ การใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อส่งคำตอบ และการเข้าสอบแทน แต่จะทำกันทุกเขตทุกพื้นที่หรือไม่ต้องสืบหาขบวนการในเชิงลึกต่อไป และตรวจสอบเส้นทางการเงินในส่วนของการเรียกรับเงินจากผู้เข้าสอบหัวละ 500,000 บาท.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

ไม่มีความคิดเห็น: