วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แต่งตั้งโยกย้าย 27 'รอง-ผอ.ร.ร.' ดัง

  •  แหล่งข่าวจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 2 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสัจจา ศรีเจริญ ผู้อำนวยการ สพม. เขต 2 ได้ลงนามคำสั่ง สพม.เขต 2 ที่ 356/2556 เรื่อง ย้ายและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานบริหารสถานศึกษา โดยแต่งตั้งโยกย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน (ผอ.ร.ร.) และรอง ผอ.ร.ร. จำนวน 27 รายตามที่คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 อนุมัติ ดังนี้ นายพชรพงศ์ ตรีเทพา ผอ.ร.ร.บางกะปิ เป็น ผอ.ร.ร.สตรีวิทยา 2 ในพระราชูปถัมภ์ นางทิพย์รัตน์ เด่นดำรงวิทย์ ผอ.ร.ร.ศรีพฤฒา เป็น ผอ.ร.ร.บางกะปิ นายประสงค์ สุบรรณพงษ์ ผอ.ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เป็นผอ.ร.ร.ศรีพฤฒา นางพรพิมล พรชนะรักษ์ ผอ.ร.ร.นวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 เป็น ผอ.ร.ร.นวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา
              นายบรรลือชัย ผิวสานต์ ผอ.ร.ร.นวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย เป็น ผอ.ร.ร.นวมินทรา ชินูทิศ สตรีวิทยา 2 นายบุญฤทธิ์ รุ่งเรือง ผอ.ร.ร.ยานนาเวศวิทยาคม เป็นผอ.ร.ร.นวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย นายวีระชัย สิทธิโชค ผอ.ร.ร.ฤทธิยะวรรณาลัย 2 เป็น ผอ.ร.ร. ดอนเมืองทหารอากาศบำรุง นายชาญพงค์วิช คันศรวสิษฐ์ ผอ.ร.ร.มัธยมวัดธาตุทอง เป็น ผอ.ร.ร. ฤทธิยะวรรณาลัย 2 นายไพบูลย์ กล้าหาญ ผอ.ร.ร.ภู่วิทยา เป็นผอ.ลาดปลาเค้าพิทยาคม นางสมคิด ปูชิตเสถียร รอง ผอ.ร.ร.มัธยมวัดบึงทองหลาง เป็นรอง ผอ.ร.ร.ดอนเมืองทหารอากาศบำรุง นางเยาวนาท สุนทร รอง ผอ.ร.ร. ศีลาจารพิพัฒน์ เป็น รอง ผอ.ร.ร.มัธยมวัดบึงทองหลาง
              นางศุภลักษณ์ กวีตา รอง ผอ.ร.ร.ศรีพฤฒา เป็นรอง ผอ.ร.ร.ดอนเมืองทหารอากาศบำรุง นางสุภาวดี นาคพริก รอง ผอ.ร.ร.รัตนโกสินทร์สมโภชลาดกระบัง เป็นรอง ผอ.ร.ร.มัธยมวัดหนองจอก นางสมศรี รสารักษ์ รอง ผอ.ร.ร.มัธยมวัดนายโรง เป็นรอง ผอ.ร.ร.สิริรัตนาธร นายวิเชียร หรูวิจิตรพงษ์ รอง ผอ.ร.ร.ศีลาจารพิพัฒน์ เป็นรอง ผอ.ร.ร.ศรีพฤฒา น.ส.พรพิมล แม้นญาติ รอง ผอ.ร.ร.ทุ่งศุขลาพิทยา "กรุงไทยอนุเคราะห์" เป็น รอง ผอ.ร.ร.ศรีพฤฒา นายเชิดชัย อมรกิจบำรุง รอง ผอ.ร.ร.โยธินบูรณะ (สุวรรณสุทธาราม) เป็นรอง ผอ.ร.ร.พรตพิทยพยัต นายเจริญ บุตะเขียว รอง ผอ.ร.ร.บุญวัฒนา 2 เป็น รอง ผอ.ร.ร.พรตพิทยพยัต นายวีระพงษ์ พรรณโรจน์ รอง ผอ.ร.ร.เจ้าพระยาวิทยาคม เป็น รอง ผอ.ร.ร.พระโขนงพิทยาลัย
              นายสุรศักดิ์ แพทย์คดี รอง ผอ.ร.ร.บ้านหนองบอน (นัยยานนท์อนุสรณ์) เป็นรองผอ.ร.ร.พระโขนงพิทยาลัย นางศุภรัฏฐ์ ฉิมวงษ์ รอง ผอ.ร.ร.โยธินบูรณะ (สุวรรณสุทธาราม) เป็นรอง ผอ.ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา สุวินทวงศ์ นายอำนาจ อัปษร รอง ผอ.ร.ร.โยธินบูรณะ (สุวรรณสุทธาราม) เป็นรอง ผอ.ร.ร.ลาดปลาเค้าพิทยาคม นายยงยุทธ พรหมคช รอง ผอ. ร.ร.มัธยมวัดหนองจอก เป็นรอง ผอ.ร.ร.สีกัน (วัฒนานันท์อุปถัมภ์) นางวิรตี ชมพูจิต รอง ผอ.ร.ร.สวนอนันต์ เป็นรอง ผอ.ร.ร.มัธยม วัดธาตุทอง นายวิริยะ โภคาพันธ์ รอง ผอ.ร.ร.เจ้าพระยาวิทยาคม เป็นรอง ผอ.ร.ร. สายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ น.ส.วินนารัชน์ ชัยวิทยนันต์ รอง ผอ.ร.ร.เทพศิรินทร์คลองสิบสาม ปทุมธานี เป็นรอง ผอ.ร.ร.ดอนเมืองจาตุรจินดา และนางทิพพา ใจใหญ่ รอง ผอ.ร.ร.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 4 เป็นรอง ผอ.ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ
              รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่มีการโยกย้ายผู้บริหารโรงเรียนดัง ล่าช้า โดยเฉพาะร.ร.สตรีวิทยา 2 เนื่องจากเดิมสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)จะต้องตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองและส่งผลการจัดอันดับกลั่นกรองให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ แต่งตั้ง ส่งผลให้ดำเนินการล่าช้า กระทั่งนำมาสู่การเรียกร้องของสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) สมาคมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้มีการยกเลิกหลักเกณฑ์ดังกล่าว ที่สุดคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) จึงได้มีมติยกเลิกและคืนอำนาจให้เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้การโยกย้ายตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว เป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องอยู่ที่ศาลปกครองและศาลอาญา รวม 4 เรื่อง โดย เฉพาะกรณีโรงเรียนหอวัง ซึ่ง นายพชรพงศ์ ตรีเทพา อดีต ผอ.ร.ร.หอวัง ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องอยู่ในขณะนี้
    ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

    ผลการประชุม ก.ค.ศ.ครั้งที่ 7/2556
    การพิจารณาผลการดำเนินการกรณีทุจริตการสอบครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ
รมว.ศธ.กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการรายงานผลการดำเนินการกรณีทุจริตการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า เนื่องจากขณะนี้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียน มีการดำเนินการที่แตกต่างกัน เช่น บางเขตพื้นที่การศึกษาสอบสวนแล้วไม่พบการทุจริต บางเขตพื้นที่ยังไม่ได้ดำเนินการ บางเขตพื้นที่ให้ออกจากราชการโดยครูผู้ช่วยผู้ที่ออกจากราชการไปแล้วไม่มีโอกาสชี้แจง เป็นต้น

ดังนั้น ที่ประชุมจึงให้คณะอนุกรรมการวิสามัญด้านกฎหมาย ได้พิจารณามติเดิมของแต่ละ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา และให้พิจารณาแนวปฏิบัติ ข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง ชัดเจน เข้าใจตรงกันทั้งระบบ โดยมีหลักดำเนินการที่สอดคล้องกับกฎหมายต่างๆ และให้ความเป็นธรรมมากที่สุดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอผลการดำเนินการให้ที่ประชุมพิจารณาในครั้งต่อไป
ส่วนกรณีผู้ร้องเรียนที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไปแล้ว ก็ต้องนำไปพิจารณาว่าแต่ละรายเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ สำหรับประเด็นการหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษนั้น เป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งยังไม่ได้นำมาหารือในการประชุมครั้งนี้ แต่กระบวนการดังกล่าวก็ยังต้องเดินหน้าดำเนินการต่อไป

  • อนุมัติตั้งอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภา ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 2 เขต และอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญฯ ดังนี้
นายกฤษณะ  นิคำ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านโพนบก เป็นอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2นายเฉลิมยศ  พุทธา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนนารากอรพิมพ์ เป็นอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภา ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3
นายโกศล  วิชิตธนาฤกษ์
 เป็นอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ในตำแหน่งที่ว่าง แทนอนุกรรมการ ซึ่งมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์

  • รับทราบหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคล เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยมีสาระสำคัญคือ
- ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้ดำเนินการคัดเลือก รวมทั้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ดำเนินการคัดเลือกฯ
- ผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือก ได้แก่ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ หรือลูกจ้างชั่วคราวจากเงินงบประมาณ หรือเงินรายได้ของหน่วยงานการศึกษา ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับลักษณะงานของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 
38 ค.(2) ของหน่วยงานการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามคำสั่งหรือสัญญาจ้าง หรือเอกสารอื่นที่ทางราชการออกให้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี นับถึงวันรับสมัครคัดเลือกวันสุดท้าย ซึ่งอาจเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ได้
- ให้สมัครเข้ารับการคัดเลือกในหน่วยงานการศึกษาที่ปฏิบัติงานอยู่ปัจจุบัน
- กำหนดให้คัดเลือกโดยการสอบ 
3 ภาค  คือ ภาค ก. ความรู้ความสามารถทั่วไป ภาค ข.ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะสำหรับตำแหน่ง และ ภาค ค.
ความเหมาะสมกับตำแหน่ง โดยการสัมภาษณ์
- ผู้ผ่านเกณฑ์คัดเลือกต้องได้คะแนนในแต่ละภาคไม่ต่ำกว่าร้อยละ 
50 และคะแนนรวมทั้ง 3 ภาค ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
- ให้บรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกให้ครบตามจำนวนตำแหน่งที่ประกาศรับสมัครโดยไม่ขึ้นบัญชี
- ผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งต้องปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานการศึกษาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 
4 ปี จึงจะมีสิทธิ์ขอย้ายออกนอกเขตพื้นที่

  • รับทราบหลักเกณฑ์และวิธีการนำรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีอื่น ตำแหน่งครูผู้ช่วยโดยมีการปรับสาระสำคัญจากแนวปฏิบัติเดิม ดังนี้
- ตัดกรณีสอบถามความสมัครใจของผู้สอบแข่งขันได้เพื่อเป็นผู้สมัครสำรอง และกรณีหากมีหลายเขตพื้นที่การศึกษาขอใช้บัญชีมาในคราวเดียวกัน ให้ผู้สอบแข่งขันได้มีสิทธิ์เลือกเขตพื้นที่การศึกษาที่จะไปขึ้นบัญชีได้ 1 เขตพื้นที่การศึกษา
- เพิ่มกรณีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ที่ประกาศใหม่ ให้มีอายุการขึ้นบัญชีเท่ากับบัญชีเดิม เพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องอายุบัญชีที่ประกาศใหม่
- กำหนดบทเฉพาะกาลไว้สำหรับการใดที่ได้ดำเนินการอยู่ก่อนวันที่ ก.ค.ศ. ยกเลิกแนวปฏิบัติดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการต่อไปให้แล้วเสร็จได้

  • รับทราบหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ทุกตำแหน่ง โดยมีสาระสำคัญที่ปรับจากหลักเกณฑ์ เดิม (ว5/2554) ดังนี้
- หลักเกณฑ์และวิธีการฯ ชุดเดียวใช้สำหรับทุกตำแหน่ง
- เพิ่มคุณสมบัติในการยื่นขอรับการประเมิน อีก 
1 ข้อ  คือ ให้มีข้อเสนอในการพัฒนางานที่ต่อยอดจากผลงานดีเด่นที่สอดคล้องกับสาขา/สาขาวิชา/กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ขอรับการประเมิน
- ผลงานดีเด่นที่ใช้ในการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว
 ไม่สามารถนำมาเสนอเพื่อขอรับการประเมินเพื่อให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะได้อีก- ผู้เสนอขอรับการประเมินต้องผ่านการกลั่นกรอง เพื่อคัดเลือกให้เข้ารับการประเมิน ให้พัฒนางานตามข้อตกลงเป็นเวลา 3 เดือน
- เปิดโอกาสให้มีการคัดค้านคุณสมบัติหรือผลงานของผู้ที่ได้รับการคัดเลือก เป็นลายลักษณ์อักษร หรือทางเว็บไซต์ ภายในเวลา 
15 วัน
- วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ในส่วนราชการ ตั้งคณะกรรมการประเมินตามบัญชีรายชื่อที่ ก.ค.ศ. กำหนดและดำเนินการประเมิน ส่วนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ก.ค.ศ. เป็นผู้ตั้งคณะกรรมการประเมินและสำนักงาน ก.ค.ศ. ดำเนินการประเมิน

  • รับทราบการรายงานข้อมูลสถิติการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2556 ของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา อ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และ อ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชน  สรุปได้ดังนี้
อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ตำแหน่งว่าง 1,062 ตำแหน่ง มีผู้สมัคร 84,318 คน สอบได้ 5,022 คนอ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ตำแหน่งว่าง 21 ตำแหน่ง มีผู้สมัคร 266 คน  สอบได้ 52 คนอ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชน ตำแหน่งว่าง 21 ตำแหน่ง มีผู้สมัคร 116 คน สอบได้ 13 คน

  • รับทราบปฏิทินการเลือกตั้งอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4 เชียงใหม่ เขต 6  ปราจีนบุรี เขต 2  มหาสารคาม เขต 3  เลย เขต 3  พัทลุง เขต 2  และอุทัยธานี เขต 2  ซึ่งมีกำหนด ดังนี้
วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2556 ประกาศให้มีการเลือกตั้งวันอังคารที่ 6–วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2556 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษารับสมัครผู้ประสงค์สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง
- วันอังคารที่ 
13 สิงหาคม 2556 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครเข้ารับการเลือกตั้งวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2556 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประกาศรายชื่อ และหมายเลขประจำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในแต่ละสายงานวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2556 ดำเนินการเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น.
- วันอาทิตย์ที่ 
18–วันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ส่งเอกสารรายงานการเลือกตั้ง พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องถึงสำนักงาน ก.ค.ศ. ภายในวันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556
สำหรับการคัดเลือกอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ  อนุกรรมการผู้แทน ก.ค.ศ. อนุกรรมการผู้แทนคุรุสภา กำหนดให้มีการคัดเลือกในช่วงระยะเวลาเดียวกัน


  • รับทราบกำหนดการประชุมสัมมนา อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งในส่วนราชการ จำนวน 230 คณะ ใน 4ภูมิภาค รวม 4 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 ภาคกลาง ระหว่างวันที่ 20-22 สิงหาคม 2556 ณ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพมหานครครั้งที่ 2 ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคม 2556 ณ โรงแรมหรรษา เจบี หาดใหญ่ จ. สงขลาครั้งที่ 3 ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 17-19 กันยายน 2556 ณ โรงแรมคุ้มภูคำ จ.เชียงใหม่ครั้งที่ 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 25-27 กันยายน 2556 ณ โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ จ.อุดรธานี
ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี

เตรียมโหวตครู ตั้ง "กรมมัธยม" ใต้ปีก สพฐ.
          นายธนารัชต์ สมคเณ นายกสมาคมนักพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาการมัธยมศึกษา ผู้แทนผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาและเครือข่าย และนายกว้าง รอบคอบ และนายบรรจง พงศ์ศาสตร์ อดีตอธิบดีกรมสามัญศึกษา เกี่ยวกับการแยกการมัธยมศึกษาออกจากการประถมศึกษานั้น
          ที่ประชุมได้มีความคิดเป็น 2 แนวทางหลัก คือ แนวทางแรกต้องการให้แยกการมัธยมศึกษา ออกมาเป็นอีกองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อีกแนวทางหนึ่งเห็นว่าควรให้มีหน่วยงานเทียบเท่ากรม ในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อดูแลงานด้านประถมศึกษา มัธยมศึกษา การศึกษาพิเศษ และสำนักวิชาการเป็นการเฉพาะ เนื่องจากการจะแยกออกเป็นอีกองค์กรหลักคงเป็นเรื่องยาก และนักการเมืองก็คงไม่เห็นด้วย
          นายธนารัชต์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการมัธยมศึกษา นั้นมีปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องรีบแก้ไขก่อนที่จะพูดถึงเรื่องการเป็นองค์กรหลัก คือ ในระยะเร่งด่วนควรมีการตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา(สพม.)ให้ครบทุกจังหวัดก่อน เนื่องจากมีหลาย สพม.ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ 2-3 จังหวัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริหารและพัฒนางานอย่างมาก เช่น สพม.10 ที่ดูแลจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ โดยมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี และมีสำนักงานสาขาอยู่ทุกจังหวัด แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะการบริหารงานยังต้องอยู่ที่สำนักงานแม่ที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีระยะทางในการเดินทางไป-กลับ 800 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าหนักมาก
          "เรื่องการตั้งเป็นกรมภายใต้ สพฐ.ก็จะเหมือนกับสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปัจจุบันมีสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯจะรับฟังความเห็นจากเครือข่ายองค์กรครูทั่วประเทศอีกครั้ง ก่อนที่จะนำเรื่องทั้งหมดเสนอต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ต่อไปและเชื่อว่านายจาตุรนต์ จะรับฟังเหตุผล" นายธนารัชต์ กล่าว
ที่มา: http://www.siamrath.co.th


ไม่มีความคิดเห็น: