วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ: คุณวุฒิที่ก.ค.ศ.รับรอง

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของมหาวิทยาลัยต่างประเทศซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาให้ดำเนินการจัดการศึกษาในประเทศไทย ทำให้วุฒิที่สำเร็จการศึกษามานั้นเป็นวุฒิที่ไม่ได้รับการรับรอง ไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีข่าวเกี่ยวกับการขายวุฒิการศึกษาปลอมทางเว็บไซต์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายให้กับวงการศึกษาของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายให้กับผู้ที่ไปสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาเถื่อนเหล่านั้น หรือผู้ที่ไปหลงกลซื้อวุฒิการศึกษาปลอมมาอีกด้วย สำหรับในแวดวงของวิชาชีพครูนั้น ก็มีกระแสข่าวที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสำนักงาน ก.พ. ด้วย ในวันนี้สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงขอนำความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรองมาชี้แจง ดังนี้
          1.ผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป หากต้องการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ต้องตรวจสอบว่าคุณวุฒิที่สำเร็จการศึกษามานั้น ก.ค.ศ. ให้การรับรอง และกำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหรือไม่ หาก ก.ค.ศ. ยังไม่ให้การรับรอง ต้องแจ้งให้สถาบันการศึกษาส่งคุณวุฒินั้นไปให้ ก.ค.ศ. รับรอง มิเช่นนั้นจะไม่มีสิทธิสมัครสอบ
          2.เมื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแล้ว ไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ก็ต้องตรวจสอบคุณวุฒิเช่นเดียวกันว่า ก.ค.ศ. ให้การรับรองคุณวุฒิที่ศึกษานั้นหรือไม่ เพราะหาก ก.ค.ศ. ยังไม่ได้ให้การรับรอง สำเร็จการศึกษามาแล้วก็ปรับวุฒิ ปรับเงินเดือนไม่ได้ ซึ่งทั้ง 2 กรณีต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนดด้วย
          3.คุณวุฒิการศึกษาที่ ก.ค.ศ. รับรอง หากเป็นสถาบันการศึกษาในประเทศไทย ก.ค.ศ. จะรับรองให้ผู้สำเร็จการศึกษาตามคุณสมบัตินั้นทั้งสถาบันการศึกษา พร้อมกำหนดอัตราเงินเดือนตามคุณวุฒิดังกล่าว แต่หากเป็นคุณวุฒิที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศ ต้องเสนอ ก.ค.ศ. เพื่อพิจารณาเป็นรายๆ ไป ซึ่งคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. ให้การรับรองนั้น เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม
          จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า คุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรองนั้น สำคัญกับการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างไร ดังนั้นจึงฝากเตือนมายังผู้ที่สนใจจะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ตรวจสอบคุณวุฒิที่ท่านศึกษาอยู่ หรือผู้ที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอยู่แล้ว ก่อนการตัดสินใจไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ให้ตรวจสอบคุณวุฒิการศึกษาที่จะไปศึกษาต่อว่าสามารถนำมาใช้เพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งที่ดำรงอยู่ได้หรือไม่ ก.ค.ศ. ให้การรับรองคุณวุฒิแล้วหรือไม่ หรือหากเป็นสถาบันการศึกษาต่างประเทศ สถาบันนั้นเปิดสอนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่เสียทั้งเงินและเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

ม็อบครูผู้ช่วย ฮือประท้วง! จี้กคศ.ทบทวนมติ ปลดจากราชการ
          จี้กคศ.ทบทวนมติ ปลดจากราชการ
          เครือข่ายครูผู้ช่วยฮึ่ม-นัดชุมนุมหน้าศธ.วันนี้ ยื่น 3 ข้อเสนอรมว.ศธ.วอนทบทวนคำสั่งให้ออกจากราชการ ตั้งคนนอกสอบทุจริต ขอให้รัฐเยียวยาการเงิน พักชำระหนี้ที่ใช้ตำแหน่งกู้มา โอดหลังดีเอสไอ-ก.ค.ศ.ส่งหนังสือแจ้งให้อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ทั้ง 119 เขต เพิกถอนบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วยทั้ง 344 ราย ที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตการสอบ ตั้งแต่เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ทุกคนต้องอยู่ด้วยความลำบาก ถูกสังคมรุมด่าขี้โกง ชีวิตเหมือนตกนรกทั้งเป็น ทำให้ครอบครัวเดือดร้อนไปทั่ว เพราะไม่มีรายได้มาเลี้ยงดู ลั่นขอพิสูจน์ความจริงให้ถึงที่สุด
          เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 ก.ค. ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา นายศิริชัย สมบัติโพธิ์ อดีตครูผู้ช่วย สังกัดโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ประธานเครือข่ายครูผู้ช่วย ว 12/56 และบรรดาอดีตครูผู้ช่วยที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุพบพฤติการณ์ส่อทุจริต ในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครู ในตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีมีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว 12 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในครั้งที่ผ่านมา โดยได้รับผลกระทบจากคำสั่งอนุกรรมการครู และบุคลากรทางการศึกษาเขตพื้นที่ให้เพิกถอนตำแหน่ง จำนวน 150 คน นัดหมายเดินทางมาพบนายออน กาจกระโทก ผู้แทนข้าราช การครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเสนอปัญหาจากการถูกเพิกถอนจากตำแหน่ง และขอให้ช่วยเหลือเยียวยาอย่างเร่งด่วน
          นายศิริชัยเปิดเผยว่า พี่น้องครูผู้ช่วยที่ถูกให้ออกจากราชการต่างประสบปัญหาการเงิน ถูกสังคมพิพากษาเป็นพวกทุจริตและขี้โกง ต้องดำรงชีวิตอยู่อย่างหลบซ่อนเสมือนตกนรกทั้งเป็น พวกเรายังไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ขณะที่ขบวนการไต่สวนยังไม่ครบถ้วน แต่ถูกกล่าวหา โดยไม่มีโอกาสได้ชี้แจงเท่าที่ควร ดังนั้น วันที่ 30 ก.ค.นี้จึงได้นัดหมายอดีตครูผู้ช่วยให้มาพร้อมกันที่ด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอความเป็นธรรมจากนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศธ. โดยจะมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ดังนี้
          1.ขอให้ทบทวนมติก.ค.ศ. ที่มีคำสั่งให้ออกจากข้าราชการใช้รูปแบบเหมารวมยกเขตพื้นที่การศึกษา โดยหลักการควรต้องสอบสวนข้อเท็จจริงดำเนินการเป็นรายบุคคลที่ถูกตรวจสอบพบพยานหลักฐานในการกระทำผิดที่ชัดเจน 2.ขอให้มีการแต่งตั้ง ซึ่งต้องสรรหาจากบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์กรและมีความเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง มาสืบสวนสอบสวนหาความจริงให้ปรากฏต่อสังคม และ 3.ขอให้วิงวอนรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามาตรการช่วยเหลือเยียวยาด้านเศรษฐกิจระหว่างดำเนินการสอบสวน เช่น ออกมาตรการชะลอ พักชำระหนี้ จากสถาบันการเงินต่างๆ ตามสิทธิที่บุคคลทั้ง 344 นี้ ซึ่งมีส่วนหนึ่งใช้ตำแหน่งหน้าที่กู้เงินมา เนื่องจากตั้งแต่ถูกให้ออกจากข้าราชการไม่มีรายได้มาเลี้ยงชีพและครอบครัว รวมถึงหนี้เงินกู้ที่ต้องส่งจ่ายทุกเดือน
          "ทุกคนมีความหวังที่จะกลับเข้าไปรับราชการครูเหมือนเดิม เพื่อคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัวกลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง จึงอยากขอโอกาสให้เราได้พิสูจน์ตัวเองบ้าง หากตรวจจับโพยเฉลยข้อสอบพบที่สนามสอบใด อยู่กับบุคคลใด ก็ควรจัดการตามกฎหมายเป็นรายๆ ไม่ใช่เหมายกเข่ง กล่าวหาคนที่ทำคะแนนสูงว่าเป็นพวกทุจริต เพราะหลายคนเคยผ่านสนามสอบมาแล้ว จึงมีประสบการณ์และต้องการบรรจุเป็นข้าราชการครูเพราะเป็นอาชีพที่มั่นคง จึงเตรียมความพร้อมเข้าอบรมหลักสูตรติวเตอร์ อ่านหนังสืออย่างหนักจนประสบความสำเร็จ" นายศิริชัยกล่าว
          ส่วนข้ออ้างทำผิดข้อ 34 ประธานเครือข่ายฯ กล่าวว่า เป็นเพียงแนวทางเชิงวิเคราะห์เชื่อมโยงตามความน่าจะเป็น ไม่ใช่พยานหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าใครที่กาผิดข้อ 34 จะต้องทุจริต ขณะนี้พวกเราได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไปที่คณะอนุกรรมการข้าราช การครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่ หากไม่ดำเนินการตามกำหนดเวลาก็จะยื่นต่อศาลปกครอง ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรม
          ด้านนายออนกล่าวว่า ตามที่ดีเอสไอและคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ส่งหนังสือแจ้งให้อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ทั้ง 119 เขต ให้เพิกถอนบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วย ที่ส่อทุจริต จำนวน 344 ราย เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา การพิสูจน์ความจริงแม้จะผ่านขบวนการตรวจสอบของดีเอสไอและก.ค.ศ.แล้ว แต่ยังวิตกกังวลว่ายังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ทำให้ผู้ถูกเพิกถอนได้รับความเดือดร้อน เคลือบแคลงใจในผลที่ได้รับ จึงเป็นที่มาของการรวมตัวกันเป็นเครือข่าย เพื่อเรียกร้องให้พิสูจน์ความจริงให้กระจ่างมากกว่านี้ ขอให้รมว.ศธ.ยึดหลักการที่เคยกล่าวไว้อย่างหนักแน่นว่าเป็น ศธ.ที่สะอาดและโปร่งใส จึงหวังว่าการดำเนินการกรณีนี้ต้องให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย
         

ไม่มีความคิดเห็น: