วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สรุปการประชุมองค์กรหลัก 5 สิงหาคม 2556

รมว.ศธ.กล่าวว่า ศธ.ได้ให้มีการประชุมร่วมกันกับผู้บริหาร 5 องค์กรหลักอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวันจันทร์เพื่อให้การทำงาน 5 องค์กรหลักมีการประสานกันมากขึ้น โดยการประชุมครั้งนี้ได้ซักซ้อมการทำงานที่สำคัญตามนโยบาย เช่น

การจัดตั้งกองทุนเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ซึ่งจัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ แต่ช่วงที่ผ่านมาได้รับงบประมาณจาก กสทช.น้อยมาก โดยในปี 2553 ได้รับการจัดสรรจำนวน 100 ล้านบาท ปี 2554-2555 ได้รับปีละ 25 ล้านบาท ส่วนปี 2556 ได้รับจำนวน 10 ล้านบาท ทำให้เห็นปัญหาของประเทศต่อการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการศึกษา ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงต้องการหาเจ้าภาพเพื่อเร่งดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจังร่วมกับ กสทช.ต่อไป โดยเร่งดำเนินการใน 2 ส่วนที่สำคัญ คือ การจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติ และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา

การจัดเสวนาและ Workshop ในประเด็นต่างๆ ซึ่งในช่วงเดือนสิงหาคม 2556 จะมีการเสวนา รับฟังความคิดเห็นจากการ Workshop ในประเด็นต่างๆ ดังนี้

-การประชุม ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา-มัธยมศึกษาทั่วประเทศ ในวันที่ 6 สิงหาคม 2556
- การอาชีวศึกษา ซึ่งจะให้มีการหารือกับภาคเอกชนและบริษัทของต่างประเทศ รวมทั้งการให้มหาวิทยาลัยต่างๆ เข้ามาประเมินก่อนสิ้นปีงบประมาณ รวมทั้งการประชุมผู้บริหารสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ในวันที่ 10 สิงหาคม 2556

การจัดการศึกษาชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนนักศึกษาและผู้ปกครอง ในวันที่ 17 สิงหาคม 2556 ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี

- การปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบ ในวันที่ 18 สิงหาคม 2556 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เพื่อพิจารณาประเด็นหลักสูตรแกนกลาง ทิศทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดประเมินผล และการพัฒนาและพัฒนาครูทั้งระบบ
- เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับการปฏิรูปการเรียนรู้ ในเดือนสิงหาคม 2556 ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ มหานาค โดยมีเนื้อหาที่สำคัญในการรับฟังความคิดเห็นเรื่องแท็บเล็ต โดยเฉพาะมาตรฐานของเนื้อหาที่จะบรรจุลงในแท็บเล็ต ข้อดีของการใช้แท็บเล็ตสำหรับนักเรียน เป็นต้น
- การประเมินวิทยฐานะและความก้าวหน้าในวิชาชีพ ในเดือนสิงหาคม 2556
- การศึกษาเอกชน โดยได้เตรียมการรับฟังความคิดเห็นจากผู้จัดการศึกษาภาคเอกชนทุกระดับประเภท
- การศึกษานอกระบบ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย

ทั้งนี้ ศธ.จะรวบรวมผลการ Workshop ทั้งหมด เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน ในวันที่ 14 กันยายน 2556 ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยจะรวบรวมนำเสนอแยกเป็นประเด็นสำคัญ เป้าหมาย ตัวชี้วัดการขับเคลื่อน เจ้าภาพการทำงานในแต่ละส่วนที่ชัดเจน มี KPI ที่จะติดตามการขับเคลื่อนการทำงาน เพื่อให้สามารถดำเนินการตาม 8 นโยบายการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2557

การสอนภาษาไทย เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเชื่อมโยงและส่งผลต่อการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ ที่ผ่านมาทราบปัญหาว่ามีเด็กจำนวนมากที่จบ ป.6 แล้วยังอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ในขณะที่เด็กอีกส่วนหนึ่งอ่านเป็นประโยคได้ช้ามาก ซึ่งในประเด็นนี้จะได้แถลงรายละเอียดถึงแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบต่อไป

สถานการณ์การชุมชนทางการเมือง รมว.ศธ.กล่าวว่า ได้หารือกับ สพฐ.ถึงความปลอดภัย ความสะดวกในการเดินทางมาเรียนหนังสือของนักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งถือเป็นอำนาจของผู้บริหารโรงเรียนที่มีอำนาจตัดสินใจเลื่อนเวลาเข้าเรียนหรือเลิกเรียน หรือหากมีความจำเป็นก็อาจพิจารณาสั่งปิดเรียนได้ตามสถานการณ์และความเหมาสม แต่หากสถานการณ์ที่มีความจำเป็นต้องสั่งพร้อมกันหลายโรงเรียน สพฐ.ก็อาจพิจารณาดำเนินการได้

แท็บเล็ต รมว.ศธ.ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นนี้ โดยกล่าวถึงคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียนได้รายงานความคืบหน้าการจัดประมูลแท็บเล็ตในโซนที่ 1-4 ซึ่งได้มีการดำเนินการประมูลโซนที่ 4 ไปแล้วเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2556 ดังนี้
"จากการที่ได้ข้อมูลทั้ง 4 โซนแล้ว ก่อนหน้านี้ได้มีการชะลอและให้ทบทวนการประมูลในโซนที่ 3 เมื่อมีข้อมูลจากโซนที่ 4 คณะกรรมการมีความเห็นร่วมกัน โดยมีมติอาศัยประกาศข้อที่ 65 ที่สงวนสิทธิ์ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานซื้อเพียงบางส่วนหรือยกเลิกการประมูลโดยมีมติให้ยกเลิกการประมูลในโซนที่ 3 ซึ่ง สพฐ.จะรับไปดำเนินการในฐานะผู้ดำเนินการประมูล

ส่วนการประมูลของโซนที่ 1-2 และ 4 มีความเห็น มีคำถาม ข้อทักท้วงมาจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อยู่บ้าง จึงจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง และทำคำชี้แจงต่อไป ส่วนโซนที่ 3 เมื่อยกเลิกแล้วก็จะดำเนินการประมูลแบบ e-Auction ใหม่ในเร็วๆ นี้ ซึ่ง สพฐ. เป็นผู้มีหน้าที่โดยตรง ตนเป็นเพียงประธานคณะกรรมการ ยังไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ของ รมว.ศธ.ในการสั่งยกเลิก ส่วนมติคณะกรรมการเป็นเพียงความเห็นประกอบการตัดสินใจของ สพฐ.

การที่ สตง.มีความเห็นเชื่อว่า โซนที่ 3 อาจจะไม่มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และมีการสมยอม โดยขอให้ สพฐ.ทบทวน และให้ตนสั่งให้ สพฐ.ทบทวน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างที่ สพฐ.กำลังทบทวน ยังไม่สิ้นสุด ไม่มีข้อยุติ แต่เนื่องจากมีการประมูลในโซนที่ 4 ซึ่งมีการแข่งขันสูงและผลราคาที่ยุติมีระดับราคาที่ต่ำเช่นเดียวกับโซนที่ 1 และ 2 กรรมการมีความเห็นว่าการประมูลโซนที่ 3 นอกจากจะต้องมีการทบทวนเพื่อให้มีการแข่งขันอย่างจริงจัง แต่ผลการประมูลของโซน 3 ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า หากจะซื้อตามราคาที่ประมูลได้ ก็จะเป็นการซื้อในราคาที่สูงอย่างเห็นได้ชัด จึงทบทวนเพื่อให้จัดซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่านี้มาก เช่น โซนที่ 1 2 และ 4 มีการเคาะราคาหลายครั้ง และราคาจัดซื้อลดลงจากที่ตั้งไว้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งในโซนที่ 3 ลดลงเพียง 5 ล้านบาทจากที่ตั้งไว้ ทำให้เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน รวมทั้งมีการแข่งขันระหว่าง 2 บริษัท และมีการเคาะราคาเพียง 2 ครั้ง

จากความเห็นนี้ จึงไม่ต้องรอผลการทบทวน และไม่ต้องรอข้อพิสูจน์ว่า มีการสมยอมกันหรือไม่ หรือการแข่งขันเป็นธรรมหรือไม่ เมื่อดูจากประกาศ เป็นข้อความที่ให้อำนาจ สพฐ. สามารถยกเลิกการประมูลได้เพื่อประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ จึงมีความเห็นร่วมกัน แต่มติไม่ได้มีผลต่อการยกเลิกโดยตรง เพราะอำนาจในการยกเลิกเป็นอำนาจของ สพฐ. เมื่อมีมติ สพฐ. ก็รับ ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานก็เห็นด้วยกับมตินี้ โดยจะรับไปดำเนินการยกเลิกและจัดประมูลใหม่ ทั้งนี้ได้มีการพิจารณาข้อกฎหมายแล้วว่า สพฐ. มีอำนาจในการดำเนินการและมีเหตุผลเพียงพอ"
ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี


คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ.: การลงโทษนักเรียนและนักศึกษาตามระเบียบของทางราชการอย่างมีสติ

          ประสาน ยินดีชัย
            ผู้อำนวยการภารกิจเสริมสร้างและมาตรฐานวินัย
          ด้วยปรากฏว่ามีข้าราชการครูที่สอนนักเรียนหรือนักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา หรือแม้กระทั่งระดับอาชีวศึกษา ได้ลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาในลักษณะที่รุนแรงด้วยความโกรธ หรือด้วยความอาฆาตพยาบาทอยู่เนืองๆ เป็นเหตุให้นักเรียนหรือนักศึกษาเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บ มีปมด้อย เกิดความอับอายหวาดกลัวและไม่อยากมาโรงเรียน ซึ่งการลงโทษดังกล่าวมิได้เป็นไปตามระเบียบการลงโทษของทางราชการ อันนำไปสู่การกระทำผิดวินัยอย่างน่าเสียดายหรือโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการผิดระเบียบของการลงโทษ
          สำนักงาน ก.ค.ศ. มีความห่วงใยเพื่อนข้าราชการครูในเรื่องการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา จึงขอนำเสนอวิธีการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา ที่เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการจะได้เกิดความตระหนักและลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาอย่างมีสติ
          ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 กำหนดให้ลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิดมี 4 สถาน ดังนี้
          1.ว่ากล่าวตักเตือน ใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษากระทำความผิดไม่ร้ายแรง
          2.ทำทัณฑ์บน ใช้ในกรณีที่นักเรียนหรือนักศึกษาประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพความเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา หรือใช้ในกรณีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของสถานศึกษา หรือฝ่าฝืนระเบียบของสถานศึกษา หรือได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนมาแล้ว แต่ยังไม่เข็ดหลาบ
          3.ตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนหรือนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษากำหนด โดยให้ทำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
          4.ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียนหรือนักศึกษากระทำความผิดที่สมควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
          ระเบียบการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาดังกล่าว ไม่ปรากฏการเฆี่ยนตีเหมือนอย่างการลงโทษในอดีตที่ผ่านๆ มา พบว่าในระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ.2515 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ได้มีการกำหนดให้มีการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาด้วยการเฆี่ยนตีเอาไว้ด้วย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีแล้ว อย่างที่กล่าวกันว่า ระเบียบการลงโทษนักเรียน และนักศึกษาปัจจุบันได้หักไม้เรียวไปแล้ว
          ดังนั้น จึงขอบอกกล่าวมายังเพื่อนข้าราชการครูผู้ประกอบวิชาชีพชั้นสูง ซึ่งได้อบรมสั่งสอนลูกศิษย์อย่างทุ่มเท อุทิศเวลา เสียสละ ทั้งแรงกายและแรงใจด้วยอุดมการณ์อันสูงส่ง โปรดพึงระลึกและตระหนักถึงการลงโทษลูกศิษย์ของท่าน ให้คำนึงถึงระเบียบแบบแผนของทางราชการเป็นสำคัญ อย่าได้กระทำไปด้วยความโกรธ ความอาฆาตพยาบาทหรือกลั่นแกล้งเป็นอันขาด
          มิฉะนั้นแล้วท่านอาจถูกกล่าวหาว่า ลงโทษลูกศิษย์ของท่านโดยผิดระเบียบดังกล่าว อันอาจจะถูกดำเนินการทางวินัย จนทำให้ท่านเสียความรู้สึก ท้อแท้ หมดกำลังใจในการทำหน้าที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพชั้นสูงได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

ไม่มีความคิดเห็น: