วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

ข้าราชการเฮ! ครม.ไฟเขียวเงินจ่ายโบนัสปี 55

ข้าราชการเฮ! ครม.ไฟเขียวเงิน 1.4 พันล้าน จ่ายโบนัสปี 55 คาดเบิกจ่ายเข้ากระเป๋าข้าราชการเสร็จปลายก.ย.นี้ โดยจ่ายเป็นขั้น ระดับสูงได้ 1 เท่า ระดับกลาง 1.25 เท่า และระดับล่าง 1.4 เท่า พร้อมเพิ่มเงินเดือนครูสถาบันอุดมศึกษาจูงใจทำงานกับรัฐต่อ
          นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้เห็นชอบให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 56 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 1,400 ล้านบาท เพื่อจัดสรรเป็นเงินรางวัล (โบนัส) ประจำปี 55 เพิ่มเติม ให้ส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา จากเดิมที่เคยจัดสรรไปแล้วในรอบแรก 2,345 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งหมด 3,745 ล้านบาท หรือให้เท่ากับปีก่อน ตามมติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) คาดว่าจะเบิกจ่ายเงินโบนัสได้เสร็จปลายเดือนก.ย.นี้
          สำหรับหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัลนั้น แบ่งเป็น จ่ายค่าตอบแทนตามผลงานไม่มีผลผูกพันระยะยาว เพื่อจูงใจให้ข้าราชการสร้างสรรค์ผลงานโดยยึดองค์กรเป็นสำคัญ ,หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรต้องผ่านเกณฑ์การประเมินการปฏิบัติราชการในระดับมาตรฐานหรือบรรลุค่าเป้าหมาย คือ ตั้งแต่ระดับ 3.0000 คะแนน ขึ้นไป และเงินที่ได้รับจัดสรรให้ข้าราชการและลูกจ้างประจำในสังกัด ห้ามไม่ให้ไปเฉลี่ยเงินกันหรือหารให้เท่า ๆ กันด้วย ส่วนขั้นตอนการรับจัดสรร ก.พ.ร.จะนำผลการประเมินคะแนนของทุกหน่วยงานไปคำนวณอีกครั้งคาดว่าจะเสร็จเดือนต.ค.นี้
          ทั้งนี้การจัดสรรเงินรางวัลดังกล่าว จะจัดกลุ่มข้าราชการเป็น 3 กลุ่ม คือ เป็นข้าราชการระดับสูง หรือตำแหน่งบริหาร ตำแหน่งอำนวยการ และวิชาการระดับทรงคุณวุฒิและระดับเชี่ยวชาญ จะได้รับเงินโบนัส 1 เท่าของเงินเดือน รองลงมาคือข้าราชการระดับกลาง คือ วิชาการระดับชำนาญการและระดับชำนาญการพิเศษ ได้รับ 1.25 เท่า และสุดท้ายกลุ่มข้าราชการระดับต้น คือ วิชาการระดับปฏิบัติการ ตำแหน่งทั่วไปทุกระดับและลูกจ้างประจำ ได้รับ 1.4 เท่า
          อย่างไรก็ตามครม.ยังเห็นชอบหลักเกณฑ์การรับเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา โดยกำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งวิชาการ ให้ได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของอันดับเงินเดือนเดิมโดยให้ไปอาศัยรับเงินเดือนในตำแหน่งถัดไปอีกหนึ่งตำแหน่ง พร้อมให้ข้าราชการฯที่จะได้รับเงินเดือนสูงขึ้น และต้องพ้นจากราชการเพราะเหตุเกษียณอายุ ให้ได้รับเงินเดือนในตำแหน่งที่สูงขึ้นในวันที่ 30 ก.ย.ของปีสุดท้ายก่อนพ้นจากราชการ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้บุคลากรของสถาบันการศึกษารัฐ.
ที่มา: http://www.dailynews.co.th

คอลัมน์: ทั่วถิ่นไทย ก้าวไกลการศึกษา: สพฐ.พัฒนา ICT ให้ทันยุคของ AEC

          ชาตรี ทวีนาท
            นักประชาสัมพันธ์ สพป.ชัยภูมิ เขต 3

          การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นำมาซึ่งการเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตและวิธีการทำงานเป็นอย่างมาก วิธีการสมัยใหม่ทำให้เกิดความชัดเจน รวดเร็ว และมีความเที่ยงตรง จึงจำเป็นต้องพัฒนาระบบการบริหารจัดการของหน่วยงาน ให้เกิดความโปร่งใส พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทั้งในประเทศและนอกประเทศ เพื่อเตรียมรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC)
          สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดย กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร (กพร.) จึงได้ระดมศักยภาพของบุคลากรในสังกัด ในการจัดทำโปรแกรมระบบสนับสนุนการบริหารจัดการสถานศึกษา หรือ SMSS (Sclool Management Support System) พัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้สถานศึกษาใช้บริหารจัดการ
          "การจัดงานทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านบริหารวิชาการ ด้านบริหารงบประมาณ ด้านบริหารงานบุคคล และด้านการบริหารงานทั่วไป ภายใต้หลักการจัดการสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด"ดร.สมเกียรติ ชิดไธสง รองหัวหน้ากลุ่ม กพร. สพฐ.กล่าว
          ด้านนายนิพนธ์ นนธิ รอง ผอ.สพป.อุบลราชธานี เขต 4 ผู้รับผิดชอบโปรแกรม กล่าวว่า กพร.ได้ร่วมกันสร้างโปรแกรม SMSS ด้วยการพัฒนาภาษา PHP และฐานข้อมูล MySQL มาเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาได้ใช้บริหารจัดการงานอย่างเป็นระบบ โดยให้เจ้าหน้าที่หรือครูผู้รับผิดชอบ บันทึกข้อมูลทั้ง 4 ด้าน ในทุกส่วน เช่น การย้าย ลา เกษียณ ตาย หลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ งานวิจัย เงินงบประมาณกิจกรรม/โครงการ เงินสวัสดิการด้านต่างๆ ฯลฯ ซึ่งโปรแกรม SMSS ก็จะสามารถรายงานสถานะได้ทั้งหมดในรอบปัจจุบัน ได้อย่างถูกต้อง สะดวกรวดเร็ว และโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งจะใช้นำร่องในโรงเรียนแกนนำ จำนวน 20 โรงเรียนต่อไป
          จึงนับว่าเป็นนวัตกรรมอีกอย่างหนึ่งของการบริหารจัดการระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ ที่ กพร.สพฐ. มีการจัดการที่ดี ทั้ง 2 ส่วน ทั้งคนและระบบ นำไปสู่คุณภาพที่ดี พร้อมเข้าสู่ AEC อย่างมั่นใจ

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

'ครม.'ไฟเขียวเพิ่มเงินรายหัว'นักเรียนกศน.'

          ศึกษาธิการ * ครม.ไฟเขียว เพิ่มเงินรายหัวนักเรียน กศน.จาก 2,300 บาทเป็น 3,800 บาท แต่สำนักงบฯ ติงมากเกินไป แต่ กศน.แจงรวมเงินเดือนครู 15,000 บาทด้วย
          นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการตามที่ ศธ.เสนอให้ปรับค่าใช้ต่อหัวในการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยระดับมัธยมศึกษาตอนต้นปรับเพิ่มจาก 2,300 บาทต่อหัวต่อปี เป็น 3,500 บาท ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเดิม 2,300 บาทเป็น 3,800 บาท
          รมว.ศธ.กล่าวว่า สำนักงบประมาณมีความเห็นว่าอัตราที่เสนอปรับเพิ่มดังกล่าวจะเป็นภาระงบประมาณ 1,550 ล้านบาทต่อปี ซึ่งอัตราการขอเพิ่มเงินอุดหนุนดังกล่าวที่อ้างอิงจากการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งเป็นการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากการจัดการศึกษานอกระบบของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ดังนั้นจึงเสนอให้ ศธ.ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาค่าใช้จ่ายรายหัวการศึกษานอกระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่สะท้อนกับคุณภาพการศึกษา ซึ่งสำนักงบประมาณเห็นว่าอัตราค่าใช้จ่ายต่อหัวของเด็ก กศน.น่าจะต่ำกว่าอัตราที่เสนอมา ขณะเดียวกัน กศน.ก็ชี้แจงว่าเงินอุดหนุนดังกล่าวรวมเงินเดือนครู 15,000 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล ทำให้เหลือเงินจัดการศึกษาน้อยมาก ขณะที่ สพฐ.จะมีเงินเดือนครูและเงินวิทยฐานะแยกต่างหากจากค่าใช้จ่ายรายหัว ครม.จึงมอบหมายให้ ศธ.หารือกับสำนักงบประมาณ โดยมีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และเสนอให้ ครม.เพื่อทราบ
          รมว.ศธ.กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติโครงการศูนย์การเรียนสำหรับเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล (ช่วงที่ 2 ปีงบ ประมาณ 2557-2561) มีเป้าหมายตั้งศูนย์ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด 86 ศูนย์ทั่วประเทศ จากการดำเนินการในช่วงแรกปี 2552-2556 ได้จัดตั้งไปแล้ว 12 แห่ง ซึ่งในปี 2557 จะตั้งเพิ่ม 7 จังหวัด จำนวน 7 ศูนย์ใช้งบประมาณ 12 ล้านบาทเศษ นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติ ร่างกฎ ก.พ.อ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือน (ฉบับที่) พ.ศ.... ในตำแหน่งวิชาการ ประกอบด้วย อาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ เมื่อได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงสุดของอันดับเงินเดือนของตำแหน่งที่ดำรงอยู่ ให้ได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของอันดับเงินเดือนเดิม โดยให้ไปอาศัยรับเงินเดือนในตำแหน่งถัดไปอีกหนึ่งตำแหน่ง.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

ไม่มีความคิดเห็น: