1. เห็นชอบบัญชีรายชื่อการย้าย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และรอง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั่วประเทศ
- ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 49 รายตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 117 ราย2. เห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการกรณีครูผู้ช่วยที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการ และมีการร้องทุกข์ กรณีทุจริตการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษ (ว 12)ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องนี้มีการปฏิบัติตามมติ ก.ค.ศ.มาโดยลำดับ แต่มีความเข้าใจที่แตกต่างกันไป ซึ่ง ก.ค.ศ. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้เข้าสอบคัดเลือกตำแหน่งครูผู้ช่วยที่เกี่ยวข้องกับการส่อไปในทางไม่สุจริตจำนวน 344 รายนั้น มีการดำเนินการในกรณีต่างๆ ไปแล้ว จึงได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความชัดเจน ดังนี้@ กรณีที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งไปแล้ว จำนวน 262 ราย- กรณีถูกสั่งให้ออกจากราชการแล้ว และได้ร้องทุกข์ต่อ ก.ค.ศ. จำนวน 187 ราย กรณีนี้ให้มีการพิจารณาคำร้องทุกข์ตามกระบวนการขั้นตอน ตาม กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์ พ.ศ.2551 ให้เสร็จสิ้น ส่วนอีก 1 ราย ที่ไม่ได้ร้องทุกข์ ก็ไม่ต้องดำเนินการใดๆ- อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 62 ราย ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ดำเนินการตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 กล่าวคือ ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหา และดำเนินการสอบสวน จนเสร็จสิ้นกระบวนการ- มีการขอลาออกจากราชการ จำนวน 4 ราย ไม่ต้องดำเนินการใดๆ- กรณีที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายังไม่ดำเนินการใดๆ จำนวน 8 ราย ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ดำเนินการตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 กล่าวคือ ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหา และดำเนินการสอบสวน จนเสร็จสิ้นกระบวนการ@ กรณีที่ยังไม่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง จำนวน 51 ราย ยังไม่ต้องดำเนินการใดๆ@ กรณีที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายังไม่รายงานผลการดำเนินการ จำนวน 8 เขตพื้นที่การศึกษา รวม 31 ราย ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ดำเนินการตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กล่าวคือ ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหา และดำเนินการสอบสวน จนเสร็จสิ้นกระบวนการ
ทั้งนี้จะได้จัดให้มีการชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง โดยอดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ.วิสามัญกฎหมายฯ อีกครั้งหนึ่งในเร็วๆ นี้
3. การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย 2,161 รายจากการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ จำนวน 2,161 ราย พบว่าผู้สมัครสอบมีการยื่นเอกสารหลักฐานการสมัครสอบไม่ถูกต้อง หรือขาดคุณสมบัติในการสมัครสอบและมีการรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครสอบไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีหนังสือแจ้ง ก.ค.ศ.ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ดำเนินการตรวจสอบบุคคลดังกล่าว ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติดังนี้ 1. ให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติ2. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งจำนวน 2,161 ราย ตามที่ DSI แจ้ง3. ให้ประสานกับสำนักเลขาธิการคุรุสภาให้ความร่วมมือกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือใบอนุญาตปฏิบัติการสอน4. แนวทางการตรวจสอบ ให้มีการตรวจสอบในวันสมัครคัดเลือก ว่าผู้สมัครได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่การสอนตามคำสั่งหรือสัญญาจ้างอย่างใดอย่างหนึ่งรวมกันไม่น้อยกว่า 3 ปีหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบหลักฐานในวันสมัครคัดเลือก ตรวจสอบคำสั่งหรือสัญญาว่าจ้าง ตรวจสอบหนังสือรับรองคุณสมบัติของผู้สมัคร ตรวจสอบข้อความในหนังสือรับรองคุณสมบัติ ตรวจสอบลายมือชื่อผู้รับรองเอกสาร และอื่นๆ ว่าเป็นไปโดยถูกต้องหรือไม่5. เอกสารที่ใช้ในการตรวจสอบ ได้แก่ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกฯ ตามหนังสือ ว12 ลงวันที่ 19 เมษายน 2556 รวมทั้งมาตรฐานตำแหน่ง ตาม ว28 และแนวปฏิบัติทุกฉบับ ประกาศรับสมัคร หนังสือ DSI รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง6.หากตรวจสอบแล้วพบว่า ขาดคุณสมบัติในการสมัครคัดเลือก ให้พิจารณาดำเนินการตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ประกอบกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และหากมีการกระทำความผิดหรือกระทำการทุจริตในการคัดเลือกไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ให้ดำเนินการทางวินัยและทางอาญากับผู้ที่กระทำความผิดหรือกระทำการทุจริตการคัดเลือก ตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า สำนักงาน ก.ค.ศ.จัดประชุมสัมมนาเพื่อชี้แจงแนวปฏิบัติการตรวจสอบดังกล่าว ให้กับ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ข่าวสำนักงานรัฐมนตรีก.ค.ศ.ไฟเขียวขึ้นบัญชีรอง-ผอ.ร.ร.เพิ่ม หากพบตำแหน่งว่างมากกว่าประกาศนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานให้ทราบถึงกรณีการฟ้องร้องศาลปกครองกรณีการสอบคัดเลือกผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 19 ตำแหน่งที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการฟ้องร้องในศาลปกครองว่าขณะนี้ผู้ฟ้องร้องได้มีการถอนฟ้องแล้ว ฉะนั้นจากนี้ไป สพฐ.จะไปดำเนินการสอบคัดเลือกผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อดำรงตำแหน่งที่ว่าง โดยจะนำเรื่องนี้หารือในคณะอนุกรรมการระบบที่ทำหน้าที่แทน ก.ค.ศ.เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสรรหา ที่มีปลัด ศธ.เป็นประธาน เพื่อดำเนินการสรรหาโดยเร็วเนื่องจากหลายพื้นที่ว่างมานาน
รัฐมนตรีว่าการ ศธ. กล่าววต่อว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีการประกาศผลการขึ้นบัญชีผู้สอบผ่านเกณฑ์การสรรหาร้อยละ 60 เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษาในสังกัด สพฐ. ในการสอบคัดเลือกครั้งที่ผ่านมาปี 2555 ว่า ให้ใช้เกณฑ์ตัดสินร้อยละ 60 และให้ขึ้นบัญชีผู้ที่สอบผ่านร้อยละ 60 เท่ากับจำนวนตำแหน่งว่างในปัจจุบันและตำแหน่งที่คาดว่าจะว่างจากการเกษียณอายุราชการในสองปีงบประมาณ ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวทำให้ผู้ที่สอบผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 บางส่วนไม่ได้รับการขึ้นบัญชี โดยเชื่อว่าการคำนวณตำแหน่งว่างมีความคลาดเคลื่อน จึงเรียกร้องขอให้มีการสำรวจข้อเท็จจริง เพื่อหาอัตราว่างที่ตรงกับความเป็นจริง โดยที่ประชุมได้มีมติให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปสำรวจข้อมูลดังกล่าวให้ตรงกับความเป็นจริงที่สุดโดยเร็ว ทั้งนี้ หากได้ข้อมูลอัตราว่างมากกว่าที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ก็จะให้ประกาศขึ้นบัญชีเพิ่มเติมโดยพิจารณาเพิ่มจากผู้ที่สอบได้ร้อยละ 60 ขึ้นไปเพิ่มเติมโดยให้นับเวลาการขึ้นบัญชีสองปีนับตั้งแต่ที่ได้มีการประกาศขึ้นบัญชีไว้ในครั้งที่ผ่านมากรุงเทพฯ--4 พ.ย.--มติชนออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น