วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คุรุสภาขู่ลงดาบม.ลักไก่เปิดป.บัณฑิต เข้มต้องสอนทางการศึกษาอย่างน้อย 5 ปี สช.เตรียมส่ง '9 พัน' ครูเอกชนเรียนรุ่นแรก

 นายไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานคณะกรรมการคุรุสภา เปิดเผยว่า จากการที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ได้มีมติให้เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู หรือ ป.บัณฑิต ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 และปีการศึกษา 2557 นั้น สถาบันที่จะเปิดสอนได้จะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด มีการพัฒนาหลักสูตรตามมาตรฐานวิชาชีพและหลักเกณฑ์การรับรองใหม่ และต้องเสนอขอคุรุสภารับรองก่อนเปิดสอน และผู้ที่สามารถเข้าศึกษาได้ จะต้องมีหนังสืออนุญาตให้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ซึ่งคุรุสภาออกให้ก่อนวันที่ 19 กันยายน 2556 และมีรายชื่อในทะเบียนที่ต้นสังกัดแจ้งต่อคุรุสภาไว้ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือสถาบันผลิตครู หรือคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์และผู้ประสงค์เข้ารับการศึกษาได้ตรวจสอบคุณสมบัติและดำเนินการตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด
          ประธานคณะกรรมการคุรุสภากล่าวต่อว่า สำหรับคุณสมบัติและเกณฑ์การรับรองสถาบันที่จะเปิดสอน อาทิ มีประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนปริญญาทางการศึกษาไม่น้อยกว่า 5 ปี  มีอาคารสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อเพื่อการเรียนรู้เพียงพอและเหมาะสมกับจำนวนห้องเรียนและจำนวนนักศึกษาที่ได้รับอนุมัติ โดยห้องเรียนบรรยาย จะต้องมีนักศึกษาไม่เกิน 50 คน มีอาจารย์ผู้สอนที่สามารถสอนเต็มเวลาตามหลักสูตร  มีอาจารย์ประจำหลักสูตรจำนวน 5 คน ซึ่งต้องอยู่ครบในการปฏิบัติงานจริง  มีผลการประเมินคุณภาพในสาขาครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์/การศึกษาในรอบการประเมินครั้งล่าสุดจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างให้สถาบันผลิตครูส่งหลักสูตรมาให้คุรุสภารับรองก่อน จากนั้นสถาบันผลิตครูจะไปประกาศรับนักศึกษาแล้วส่งรายชื่อมาให้คุรุสภาตรวจสอบคุณสมบัติผู้เรียน ถึงจะเปิดสอนได้ ซึ่งหลักสูตรที่จะรับรอง จะต้องเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรใหม่ 11 ด้านที่คุรุสภากำหนด เช่น เน้นความเป็นครู ปรัชญาการศึกษา จิตวิทยาการศึกษา การสอนคิดวิเคราะห์ คุณธรรมจริยธรรม
          "สถาบันผลิตครู ที่จะเปิดสอนหลักสูตร ป.บัณฑิต จะต้องให้คุรุสภารับรองหลักสูตรก่อน หากมีการลักไก่รับนักศึกษาก่อนที่หลักสูตรจะรับรองเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต คุรุสภาจะใช้มาตรการไม่รับรองหลักสูตร ป.บัณฑิตของสถาบันผลิตครูนั้นๆ ซึ่งในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 นี้อาจจะมีไม่กี่สถาบันที่จะเปิดสอนได้ ส่วนใหญ่อาจจะไปเปิดสอนในปีการศึกษา 2557 ส่วนรายชื่อนักศึกษาที่ส่งมา หากตรวจสอบพบว่าไม่เป็นไปตามคุณสมบัติที่กำหนด ก็จะไม่ได้รับการรับรองจากคุรุสภาให้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ" นายไพฑูรย์กล่าว
          ด้านนายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า ครูโรงเรียนเอกชนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ที่ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ที่ทาง สช.จะส่งรายชื่อให้เข้าเรียน ป.บัณฑิตในขณะนี้มีประมาณ 9,000 คน
 ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

'เสริมศักดิ์'ห่วงอาจารย์-อธิการบดี แนะชุมนุมสันติ-เลขาฯกพฐ.ชี้ไม่ปิดกั้นครู-นักเรียน

          "เสริมศักดิ์" ห่วงสวัสดิภาพอาจารย์ อธิการบดี ซึ่งเป็นคลังสมองของชาติ แนะชุมนุมสันติอยู่ในกรอบกฎหมาย ขณะที่ เลขาฯ กพฐ.ชี้ไม่อาจปิดกั้นครู นร.ร่วมชุมนุมเพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ระบุ 3 ร.ร. รอบถนนราชดำเนินยังเปิดเรียน
          นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวว่า กรณีที่สถาบันการศึกษาออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นั้น ตนเป็นห่วงสวัสดิภาพของอาจารย์ อธิการบดีซึ่งเป็นคลังสมองของชาติอย่างมาก เพราะฉะนั้น จึงอยากฝากไว้ว่า การชุมนุมใดๆ การตอบโต้ใดๆ ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ชุมนุมอย่างสันติ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง
          นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ยังไม่มีโรงเรียนใดขอปิดการเรียนการสอนในระหว่างการชุมนุมของม็อบ แม้แต่โรงเรียนที่อยู่ใกล้การชุมนุมอย่าง ร.ร.สตรีวิทยา ก็ยังไม่มีการปิดการเรียนการสอน แต่ยอมรับว่า โรงเรียนจะได้รับผลกระทบในเรื่องการคมนาคมอยู่บ้าง
          "นอกจากนั้น ก็ยังไม่มีรายงานว่า มีครู หรือนักเรียนสังกัด สพฐ.เข้าไปร่วมการชุมนุม อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมการชุมนุมนั้นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถไปปิดกั้นได้ รวมถึงข้าราชการก็มีสิทธิเข้าร่วมการชุมนุมได้ด้วยตราบใดที่ไม่มีการอ้างชื่อหน่วยงานหรือไปวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐ เพราะข้าราชการต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล  ไม่สามารถขัดแย้งได้ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของรัฐสภา ข้าราชการสามารถร่วมชุมนุมตามสิทธิส่วนตัวได้" นายอภิชาติ กล่าว
          ด้านนายพินิจ เพชรดารา รองผอ.ร.ร.สตรีวิทยา ในฐานะรักษาการ ผอ.ร.ร.กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนยังเปิดการเรียนการสอนตามปกติ เพราะจากการประเมินสถานการณ์แล้วพบว่ายังไม่มีความรุนแรง ขณะเดียวกันแกนนำผู้ชุมนุมได้ประสานมายังโรงเรียนว่าจะขอให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง ซึ่งโรงเรียนขอให้ช่วยงดใช้เครื่องขยายเสียงในช่วงเวลาที่มีการเรียนการสอน ซึ่งผู้ชุมนุมก็ยินดี ส่วนเรื่องความสะดวกในการเดินทางไปกลับของนักเรียนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้ความช่วยเหลือ โดยจะเปิดช่องทางให้นักเรียนสามารถเดินทางไปกลับได้สะดวก ทั้งผู้บริหารโรงเรียนที่อยู่บริเวณรายรอบถนนราชดำเนินจะนัดหารือเพื่อประเมินสถานการณ์และวางแนวทางดำเนินการต่อไป
          นายชาญณรงค์ แก้วเล็ก ผอ.ร.ร.วัดบวรนิเวศฯ กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนยังเปิดการเรียนการสอนตามปกติ จากการติดตามผู้ปกครองและนักเรียนไม่ได้รับผลกระทบในการเดินทางมาเรียน เพราะเปิดช่องจราจรให้เดินทางได้ แต่ก็ได้ย้ำให้นักเรียนทุกคน ศึกษาเส้นทางให้ดี ขณะเดียวกันให้ติดตามฟังประกาศจากโรงเรียนหากมีการเปลี่ยนแปลงอะไร จะแจ้งทันที ส่วนผลกระทบอื่นๆ จากการชุมนุมนั้น เช่น เรื่องเสียง ก็ไม่ส่งผลถึงโรงเรียนเพราะอยู่ห่างออกมา แต่เนื่องจากเราเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้พื้นที่การชุมนุม เช่นเดียวกับ ร.ร.สตรีวิทยา และร.ร.เบญจมราชาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดังนั้นทั้ง 3 โรงเรียนก็จะหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกันวันต่อวันด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ศธ.จับมือสาธารณสุขลด'แม่วัยใส'

          เมื่อวันที่ 5 พ.ย.56 นายเสริมศักดิ์พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการอาคารเรียนและปฏิบัติการพร้อมครุภัณฑ์ ของวิทยาลัยเทคนิค (วท.) พระนครศรีอยุธยา (วัดนิเวศธรรมประวัติ) 1 หลัง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เสนอ จากเดิม17.64 ล้านบาท เป็น 39.06 ล้านบาท และได้ขยายพื้นที่การก่อสร้างจากเดิม 1,500 ตารางเมตร เป็น 1,920 ตารางเมตร อีกทั้งยังได้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบฯ 2556-2557 เป็นปีงบฯ2556-2558
          "การขอเพิ่มวงเงินเนื่องจากสถานที่ก่อสร้างเป็นพื้นที่โบราณสถาน อยู่ติดกับเขตพระราชวังบางปะอิน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรับปรุงรูปแบบรายการ และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งงานด้านสถาปัตยกรรมให้สอดคล้องกับพื้นที่โบราณสถาน ตามที่กรมศิลปากรกำหนด เช่น งานปูนปั้นใช้สีพิเศษ เป็นต้น"
          นายเสริมศักดิ์ กล่าวและว่า ระหว่างการประชุม ครม. ตนได้หารือกับ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ถึงความร่วมมือระหว่าง ศธ.และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการแก้ปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งโครงการได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ไปก่อนหน้านี้แล้ว และอยู่ในขั้นตอนหารือระหว่าง 2 กระทรวง เพื่อจัดทำรายละเอียด ซึ่งเบื้องต้น สธ.ได้วางแผนให้โรงพยาบาลประจำแต่ละพื้นที่ เป็นแม่ข่ายรับผิดชอบการส่งแพทย์ไปอบรมแก่นักเรียนให้กับโรงเรียนที่ตั้งอยู่โดยรอบ ทั้งนี้แม้หลักสูตรขั้นพื้นฐานจะมีวิชาเพศศึกษาอยู่แล้ว แต่ถ้ามีผู้รู้เข้าไปอบรมให้ความรู้เพิ่มเติมถึงในโรงเรียน ก็น่าจะช่วยลดปัญหานี้ได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น: