อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการในการตรวจสอบ ติดตามและประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการใช้จ่ายงบประมาณการจัดการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการในการตรวจสอบ ติดตามและประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการใช้จ่ายงบประมาณการจัดการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงมีดังนี้
๑) กำหนดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบ ติดตามและประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการใช้จ่ายงบประมาณการจัดการศึกษา ประกอบด้วยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กำหนดคุณสมบัติกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ และกำหนดให้มีกรรมการสรรหา
๒) กำหนดให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา มีอำนาจสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการ
๓) กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการตรวจสอบ ติดตามและประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล การใช้จ่ายงบประมาณการจัดการศึกษา
๔) กำหนดบทเฉพาะกาล เกี่ยวกับแต่งตั้งคณะกรรมการ การดำเนินการของคณะกรรมการ และการจัดทำแผน ขั้นตอน และกรอบเวลาในการตรวจสอบ
อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
ครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ซึ่งเป็นตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑) นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นักบริหาร ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา (นักบริหาร ระดับสูง) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
๒) รับโอน นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหาร ระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นักบริหาร ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิขององค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน
ครม.มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิขององค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงมีดังนี้
๑) กำหนดให้องค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนอาจจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในรูปแบบการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัยได้ตามที่กำหนด
๒) กำหนดแบบคำขอ การยื่นคำขอ และแผนการจัดการศึกษาและการเปลี่ยนแปลงแก้ไขแผนการจัดการศึกษาในการจัดตั้งศูนย์การเรียนขององค์กรชุมชนและองค์กรเอกชน
๓) กำหนดให้คุณสมบัติของผู้เรียนในศูนย์การเรียนขององค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทยเป็นไปตามที่กำหนด
๔) กำหนดให้ข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการศูนย์การเรียนเป็นไปตามที่กำหนด และกำหนดหน้าที่ของคณะกรรมการศูนย์การเรียน
๕) กำหนดหลักเกณฑ์การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ และการออกหลักฐานทางการศึกษา
๖) กำหนดให้ศูนย์การเรียนอาจได้รับสิทธิประโยชน์ด้านเงินอุดหนุนจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรเอกชนอื่นสำหรับการจัดการศึกษา
๗) กำหนดหลักเกณฑ์การเลิกศูนย์การเรียน และการเรียกเงินอุดหนุนคืน
ข่าวจากสำนักงานรัฐมนตรี
สกศ.เร่งพัฒนาทักษะภาษา
ดร.จิรพรรณ ปุณเกษม รองเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวในการเสวนาภาคีเครือข่ายการพัฒนาศักยภาพการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี) ว่า หากเปรียบเทียบกับอียู ซึ่งมีความเหมือนกันในเรื่องของภาษาและวัฒนธรรม มากกว่ากลุ่มอาเซียน ซึ่งมีภาษา วัฒนธรรม ศาสนา ที่ต่างกัน จะทำอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านอย่างเสมอภาคและสมศักดิ์ศรี จะบริหารความแตกต่างนี้อย่างไร เพราะนักศึกษาไทยยังขาดทักษะภาษาอังกฤษ เราจึงต้องเตรียมคนให้มีความพร้อมในเรื่องนี้ สกศ.ทำวิจัยและเตรียมความพร้อมในเรื่องของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ หรือเอ็นคิวเอฟ เพื่อใช้เชื่อมโยงความต้องการกำลังคนที่มีคุณภาพกับระบบคุณวุฒิการศึกษาของไทย เทียบกับนานาชาติ โดยแบ่งโครงสร้างเป็น 9 ระดับ ตั้งแต่ระดับ ม.ต้น-ป.เอก ซึ่งร่างกรอบคุณวุฒิแห่งชาตินี้ จะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษา (กกศ.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ด้านนายเปรื่อง กิจรัตน์ภร ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยา ลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป้าหมายของอาเซียนมี 3 ด้าน คือ 1.ด้านความมั่นคง 2.ด้านเศรษฐกิจ และ 3.ด้านสังคม/วัฒนธรรม จะเห็นว่าในอดีตเราใช้กำลังทหารในการยึดครอง แต่ปัจจุบันต้องใช้วัฒนธรรมไม่มีขอบเขตและพื้นที่ ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้ง 41 แห่ง เตรียมความพร้อมในเรื่องของวัฒนธรรมท้องถิ่น และทำความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะการจะสร้างและผลิตบัณฑิตให้เป็นเครือข่ายได้ จะต้องพัฒนาคนให้มีคุณลักษณะ 4 ประการ คือ มีความซื่อสัตย์ อดทน ขยันหมั่นเพียร และเสียสละกาย ใจ ซึ่งเราพร้อมหรือยังที่จะช่วยพัฒนาคนให้มีคุณลักษณะเหล่านี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
-
1. เงินค่าเช่าบ้านข้าราชการ จัดอยู่ในงบประมาณหมวดใด ก. งบบุคลากร ข. งบดำเนินการ ค. งบเงินอุดหนุน ง. งบอื่นๆ 2. ค่าตอบแทน หมายถึง ก. เงินที่จ...
-
1. ข้าราชการครูซึ่งปฏิบัติราชการที่สถานศึกษา ไม่มีสิทธิลาประเภทใด ก. ลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร ข. ลาพักผ่อน ค. ลาอุปสมบท ง. ลาเข้ารับการ...
-
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำตราสัญลักษณ์(ภาพเครื่องหมายราชการ)ขึ้นใหม่ และได้แจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะร...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น